ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แถลงต่อสภาคองเกรสวาระร่วมเป็นครั้งแรกในคืนวันพุธ (28 เมษายน) ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนครบระยะเวลา 100 วันในการเข้าทำงานที่ทำเนียบขาว โดยประกาศคำมั่นเดินหน้าแผนพัฒนาประเทศหลายแนวทาง ทั้งด้านเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน การสร้างงาน การศึกษา และสวัสดิการสังคม
“เพื่อนพ้องชาวอเมริกันของผม ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบไหลลงนั้นไม่เคยได้ผล ถึงเวลาแล้วที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตจากระดับล่างและกลาง ฉันทามติในวงกว้างของนักเศรษฐศาสตร์ทั้งฝั่งซ้าย ขวา กลาง เห็นพ้องว่าสิ่งที่ผมนำเสนอ จะช่วยสร้างงานหลายล้านตำแหน่ง และก่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจครั้งประวัติศาสตร์” ไบเดนกล่าว
ถ้อยแถลงของไบเดนเป็นการส่งข้อความโดยตรงถึงชาวอเมริกันชนชั้นแรงงานและชั้นกลาง ที่รู้สึกว่าถูกลืมและถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง ท่ามกลางภาวะความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
ซึ่งไบเดนยังเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมทางรายได้ ตลอดจนเสนอแผนยกเครื่องเศรษฐกิจครั้งใหญ่สุดที่เคยมีมา วงเงินกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเขาเรียกมันว่า “การลงทุนในอเมริกาด้วยตัวเอง ครั้งหนึ่งในชั่วอายุคน” โดยในจำนวนนี้ งบประมาณ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จะถูกใช้เพื่อการช่วยเหลือครอบครัวอเมริกันในทางตรง
ขณะที่ไบเดนยังอธิบายแผนสร้างงานนับล้านตำแหน่งของเขาว่า เป็นพิมพ์เขียวปกน้ำเงิน (Blue-collar Blueprint) ที่จะมุ่งเน้นการลงทุนในระบบขนส่งสาธารณะ ตลอดจนขยายโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนน สะพาน ทางรถไฟ และโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งเขาเน้นว่าแผนดังกล่าวจะถูกนำด้วยแนวทางการต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ
“เมื่อผมคิดถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ ผมคิดถึงงาน มันไม่มีเหตุผลว่าทำไมแรงงานชาวอเมริกันถึงไม่สามารถเป็นผู้นำโลกในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี” ไบเดนกล่าว
อย่างไรก็ตาม พรรครีพับลิกันแสดงท่าทีคัดค้านข้อเสนอในแผนยกเครื่องเศรษฐกิจดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยวุฒิสมาชิก ทิม สก็อตต์ กล่าวถึงแผนของไบเดนว่าเป็น ‘รายการสิ้นเปลืองครั้งใหญ่ของ’ เช่นเดียวกับรอนนา แมคแดเนียล สมาชิกอาวุโสของรีพับลิกัน ที่เรียกการทำงาน 100 วันแรกของไบเดนว่าเป็น ‘ความล้มเหลวอย่างไม่มีเงื่อนไข’
ทั้งนี้ ไบเดนยังกล่าวถึงการรับตำแหน่งของเขาว่าเป็นการรับมรดกที่เป็นวิกฤตใหญ่ของประเทศ
“โรคระบาดครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบศตวรรษ วิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ การโจมตีระบอบประชาธิปไตยที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามกลางเมือง แต่ตอนนี้ เพียงแค่ 100 วัน ผมสามารถรายงานต่อชาติได้ว่า อเมริกากำลังขับเคลื่อนอีกครั้ง” ไบเดนกล่าว พร้อมย้ำถึงความสำเร็จในแผนฉีดวัคซีนโควิด-19 และเรียกร้องชาวอเมริกันที่ยังไม่ได้ฉีดให้เข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาเติบโตอีกครั้ง
นอกจากการเสนอแผนนโยบายต่างๆ ไบเดนยังชี้ว่าของรัฐบาลของเขาพยายามดำเนินการเพื่อฟื้นฟูศรัทธาของชาวอเมริกันที่มีต่อระบอบประชาธิปไตย ผ่านแผนรับมือเศรษฐกิจและโควิด-19
ขณะเดียวกัน เขายังกล่าวถึงประเด็นปัญหาทางสังคมและความท้าทายต่างๆ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเผชิญหลังจากนี้ ทั้งวิกฤตผู้อพยพในชายแดนตอนใต้ติดกับเม็กซิโก และการเรียกร้องให้ปฏิรูปกฎหมายตำรวจหลังกรณีการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ตลอดจนปัญหาความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืน ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นโรคระบาดในอเมริกา และเรียกร้องให้มีการแบนปืนเถื่อนที่ประชาชนประกอบขึ้นเอง
ไบเดนยังกล่าวถึงนโยบายต่างประเทศ โดยชี้ว่า ข้อเสนอและแผนดำเนินการนั้นมีขึ้นท่ามกลางการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และจีน และประเทศอื่นๆ ที่ต้องการเป็นผู้ชนะในศตวรรษที่ 21 และเรียกร้องนักการเมืองจากทุกพรรคให้สนับสนุนแผนงานของเขาในการเยียวยาจิตวิญญาณของอเมริกา
เขาปิดท้ายถ้อยแถลงโดยชี้ถึงกรณีการโจมตีอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 6 มกราคม และภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตยโดยชาติเผด็จการ แต่ยืนยันต่อชาวอเมริกันว่าสหรัฐฯ นั้นจะยังเหนือกว่า
“เราได้จ้องมองเข้าไปในก้นบึ้งของการขบถและอัตตาธิปไตยของการระบาดและความเจ็บปวด และพวกเราประชาชนก็ไม่สะดุ้งสะเทือน มันไม่เคยเป็นการดีที่จะเดิมพันตรงข้ามอเมริกา และมันก็ยังไม่ใช่เช่นนั้น” ไบเดนกล่าว
ภาพ: Melina Mara-Pool / Getty Images
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: