โบรกคาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวตามตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 มองแนวรับสำคัญ 1,530 จุด แนะเฟ้นหุ้นกำไรไตรมาส 1 ดีเกินคาด และติดตามปัจจัยต่างประเทศ
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (23 เมษายน) ปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,553.59 จุด -14.62 จุด หรือ -0.93% ระหว่างวันปรับลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1,550.62 จุด มูลค่าการซื้อขาย 86,151 ล้านบาท โดยสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 2,851.21 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 348.80 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,833.19 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 5,033.21 ล้านบาท
ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า กล่าวว่า ปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยวันนี้ (23 เมษายน) เรื่องหลักคือตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันที่มากกว่า 2,000 ราย ทำให้เกิดความกังวลถึงเรื่องการบริหารจัดการเชิงสาธารณสุขของประเทศ อาทิ จำนวนเตียงสำหรับผู้ต้องเข้ารับการรักษา โรงพยาบาลสนาม และห้อง ICU สำหรับผู้มีอาการรุนแรง ซึ่งจะต่อเนื่องไปถึงการใช้มาตรการควบคุมเชิงสังคมอีกครั้ง
ทั้งนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงเกิน 2,000 รายในวันนี้ยังเป็นผลจากการตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกหลังจากสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่หลายฝ่ายประเมินเอาไว้
ส่วนการรับมือเชิงสาธารณสุข เชื่อว่าคนไทยส่วนมากระมัดระวังตัวเองกันอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องอยู่แล้ว ขณะที่การทำงานของหน่วยงานด้านสาธารณสุขก็น่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ รวมถึงจัดหาอุปกรณ์และพื้นที่สำหรับการรักษาผู้ติดเชื้อได้ดี
นอกจากปัจจัยในประเทศดังที่กล่าว หุ้นไทยวันนี้ยังได้รับแรงกดดันจากตลาดต่างประเทศอีกด้วย โดยวันนี้หุ้นต่างประเทศส่วนมากปรับตัวลดลง รับแรงกดดันกรณี โจ ไบเดน มีแผนจะปรับเกณฑ์การเก็บภาษีกำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (26-30 เมษายน) คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,540 จุด และ 1,530 จุด ตามลำดับ ปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนจะเป็นปัจจัยบวกและผลักดันดัชนีได้ โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่น่าจะแจ้งกำไรดีกว่าที่คาดการณ์
“แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะสูงแต่จะเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่เริ่มมีการระบาดระลอกแรกไม่ได้เพราะบริบทต่างกัน ในระลอกแรกกิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดหมดหรือแทบจะไม่มีเลย สภาพคล่องในระบบก็ไม่มี แต่ระลอก 3 นี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังดำเนินต่อไปได้ภายใต้ความระมัดระวัง ขณะที่สภาพคล่องในระบบมีอยู่สูง”
นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้ายังต้องติดตามปัจจัยต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นหลัก ทั้งสหรัฐฯ และจีน ซึ่งที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก จึงมีความเป็นไปได้มากที่จะเกิดแรงขายครั้งใหญ่ (Sell In May) เพื่อทำกำไรแล้วค่อยทำ Asset Alocation อีกครั้ง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
