หลังการประกาศจัดตั้ง ‘ยูโรเปียนซูเปอร์ลีก’ โดย 12 สโมสรระดับชั้นนำของยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้ทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบรับมากมายในโลกของฟุตบอลเกี่ยวกับรายการแข่งขันใหม่ที่จะเกิดขึ้น
THE STANDARD ขอรวบรวมความเห็นจากบุคคลและองค์กรที่สำคัญต่อเรื่องนี้มาไว้ที่นี่
“พวกเขาไม่มีความภักดีต่อประเทศนี้และลีกนี้ พอก็คือพอ”
“ปล่อยให้พวกเขาแยกตัวออกไปเลย แต่ลงโทษด้วย ลงโทษทันที ถ้าในจดหมายมีการประกาศชัดว่ามาจาก 6 สโมสร พวกนี้ต้องถูกลงโทษอย่างหนัก ปรับให้หนัก ตัดแต้ม ริบแชมป์ไปเลยก็ได้ ใครจะสนใจ”
“ยกแชมป์ให้เบิร์นลีย์และฟูแลมไป ให้ฟูแลมได้อยู่ต่อ ปรับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล และอาร์เซนอลตกชั้นไปเลย เพราะพวกเขาควรจะเป็นทีมที่เจ็บปวดที่สุด”
“ลิเวอร์พูล พวกคุณควรจะเป็นสโมสรของผู้คนแท้ๆ ไหนบอกจะไม่มีใครเดินเดียวดาย สิ่งที่เจ้าของลิเวอร์พูลทำ สิ่งที่เจ้าของยูไนเต็ดทำ มันน่าละอายอย่างมาก คุณไม่เคยได้ยินอะไรจากเจ้าของพวกนี้หรอก พวกมันคือพ่อค้าขายขวด”
– แกรี เนวิลล์ อดีตกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ความเห็นเกี่ยวกับข่าวการแยกตัวไปจัดตั้งยูโรเปียนซูเปอร์ลีกของ 6 สโมสรใหญ่ในอังกฤษ
“ทำไมลิเวอร์พูลถึงได้กลายเป็นสโมสรที่น่าละอายแบบนี้ ลองคิดถึงเหล่าผู้คนที่ก่อร่างสร้างสโมสรนี้มาก่อนเรา พวกเขาก็คงจะรู้สึกละอายเช่นเดียวกัน #SuperLeague”
– เจมี คาร์ราเกอร์ อดีตผู้เล่นลิเวอร์พูล แสดงความผิดหวังต่อท่าทีของสโมสรที่ตัดสินใจเข้าก่อตั้งยูโรเปียนซูเปอร์ลีก
“แผนการตั้งยูโรเปียนซูเปอร์ลีก จะสร้างความเสียหายอย่างยิ่งยวดต่อเกมฟุตบอล และเราขอสนับสนุนองค์กรทางฟุตบอลในการดำเนินการเรื่องนี้ พวกเขาจะทำลายหัวใจของเกมภายในประเทศ และจะสร้างความกังวลให้แก่แฟนทั่วประเทศ”
“สโมสรที่เกี่ยวข้องจะต้องตอบคำถามแฟนๆ และโลกฟุตบอลให้ได้ ก่อนที่จะก้าวไปต่อมากกว่านี้”
– บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทวีตถึงแผนการตั้งยูโรเปียนซูเปอร์ลีก
“พรีเมียร์ลีกขอประณามการกระทำที่เป็นการกระทบต่อหลักของการแข่งขันแบบเปิดเผย และคุณงามความดีของเกมกีฬา ซึ่งเป็นหัวใจของพีระมิดฟุตบอลทั้งในประเทศและในเกมยุโรป”
“แฟนของสโมสรใดก็ตามในอังกฤษและยุโรปมีสิทธิ์ฝันว่าทีมของพวกเขาจะได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด และแข่งขันกับทีมที่ดีที่สุด พวกเราเชื่อว่าแนวคิดของยูโรเปียนซูเปอร์ลีกจะทำลายความฝันนี้”
– จดหมายเปิดผนึกจากพรีเมียร์ลีกโต้ที่ส่งถึง 20 สโมสร เพื่อเตือนถึงการตั้งยูโรเปียนซูเปอร์ลีก ซึ่งขัดต่อกฎระเบียบข้อ L9 และการจะไปแข่งขันในรายการใดๆ จะต้องได้รับเสียงอย่างน้อย 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด
“ฟีฟ่าทำได้เพียงแค่ไม่สามารถอนุมัติให้มีการแข่ง ‘ลีกยุโรปแบบปิดที่แยกตัวออกไป’ ซึ่งอยู่นอกเหนือจากโครงสร้างฟุตบอลในระดับชาติ และไม่เคารพต่อหลักการที่มีการกล่าวถึงก่อนหน้านี้”
“ฟีฟ่ายืนหยัดเคียงข้างความเป็นหนึ่งเดียวของโลกฟุตบอลเสมอ และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการถกเถียงที่เร่าร้อนได้พยายามหาทางพูดคุยหาทางออกร่วมกันอย่างสงบ อยู่บนหลักการ เพื่อประโยชน์ต่อเกมฟุตบอล และเพื่อรักษาสปิริตของการสมัครสมานสามัคคี ฟีฟ่าจะพยายามทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อสร้างความกลมเกลียวสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเกมฟุตบอล”
– แถลงการณ์จากฟีฟ่าต่อกรณีการตั้งยูโรเปียนซูเปอร์ลีก
“สโมสรที่เข้าร่วมจะถูกแบนจากการแข่งขันในรายการระดับภายในประเทศ รายการยุโรป และรายการระดับโลก และผู้เล่นของพวกเขาจะถูกปฏิเสธโอกาสในการเล่นทีมชาติด้วย”
– แถลงการณ์จากยูฟ่าตอบโต้ยูโรเปียนซูเปอร์ลีก
“ผมคิดว่ายูโรเปียนลีกจะเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า ผมไม่ได้มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ในสิ่งที่ผมกำลังพูด แต่ผมรู้ว่ามีคนที่อยู่เบื้องหลังและพยายามผลักดันโปรเจกต์นี้อยู่”
– อาร์เซน เวนเกอร์ อดีตผู้จัดการทีมอาร์เซนอล เคยให้สัมภาษณ์ถึงยูโรเปียนซูเปอร์ลีก เมื่อปี 2009
“ผมหวังว่าซูเปอร์ลีกจะไม่เกิดขึ้น ด้วยแนวทางของแชมเปียนส์ลีกในตอนนี้ ฟุตบอลเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมแม้แต่ในยูโรปาลีก สำหรับผมแชมเปียนส์ลีกก็คือซูเปอร์ลีกแล้ว และคงไม่มีใครที่อยากจะเจอกับทีมเดิมตลอดไป”
“แน่นอนเรื่องเงินก็สำคัญ แต่ทำไมเราจะต้องสร้างระบบที่ลิเวอร์พูลจะต้องเจอกับเรอัล มาดริดติดต่อกัน 10 ปีด้วย ใครอยากจะเจอพวกเขาทุกปี?”
– เจอร์เกน คลอปป์ เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับซูเปอร์ลีก ตั้งแต่ปี 2019
“เราจะช่วยเกมฟุตบอลในทุกระดับ และจะนำพามันไปสู่ที่ที่ถูกที่ควรในโลกใบนี้ ฟุตบอลคือกีฬาของคนทั้งโลก เป็นกีฬาเดียวที่มีแฟนมากกว่า 4 พันล้านคน และเป็นความรับผิดชอบของเราในฐานะเหล่าสโมสรใหญ่ ที่จะตอบสนองต่อความปรารถนาของพวกเขา”
– ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรเรอัล มาดริด และประธานซูเปอร์ลีก กล่าวในการแถลงจัดตั้งการแข่งขันใหม่
ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย