สถานีโทรทัศน์ BBC ของอังกฤษรายงานว่า มอร์แกน สแตนเลย์ ธนาคารชั้นนำระดับโลกของสหรัฐฯ ได้ออกมายอมรับว่า กรณีของ Archegos ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของธนาคารในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ คิดเป็นมูลค่ารวม 911 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยในช่วงแรกของการเปิดเผย มอร์แกน สแตนเลย์ ระบุว่า การขาดทุนที่เกิดขึ้นมาจากลูกค้าที่เป็นนายหน้าหลักเพียงรายเดียว ก่อนที่จะยอมรับในภายหลังว่าลูกค้าโบรกเกอร์ที่กล่าวถึงนี้คือ Archegos
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะสูญเงินไปมากเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ แต่ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 1 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยผลกำไรของธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น 150% อันเป็นผลจากการเดินหน้าบรรลุข้อตกลงต่างๆ
โดยกำไรสุทธิของธนาคารในไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 3.98 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 1.59 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้สุทธิของธนาคารเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.567 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากธนาคารได้รับค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากการควบรวมธุรกิจการซื้อกิจการและบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารายได้สุทธิของธนาคารจะอยู่ที่ระดับ 1.41 หมื่นล้านดอลลาร์
มอร์แกน สแตนเลย์ ระบุว่า ธนาคารมีกำไรที่ระดับ 2.19 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.70 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ในส่วนของกรณี Archegos ทางมอร์แกน สแตนเลย์ เปิดเผยว่า จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทาง Archegos ติดหนี้กับทางธนาคารอยู่ 644 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ทางธนาคารยังต้องขาดทุนอีก 267 ล้านดอลลาร์ เพราะตัดใจขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกองทุน Archegos ในราคาที่ต่ำกว่าทุน
เจมส์ กอร์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวว่า การตัดสินใจตัดการซื้อขายกับลูกค้า Archegos นั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นการใช้เงินอย่างคุ้มค่าแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ถ้อยแถลง ‘เจอโรม พาวเวลล์’ ป่วนตลาด กดดาวโจนส์ร่วงกว่า 500 จุด นักลงทุนเทขายตั้งรับดอกเบี้ยขาขึ้น
- ดาวโจนส์ดิ่ง 600 จุด นักลงทุนหวั่น Fed ขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าคาด หลังภาคธุรกิจฟื้นตัวแข็งแกร่ง
- Dow Jones ร่วงตลอดเดือนกันยายนกว่า 9% ทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี พิษเงินเฟ้อพุ่ง-ดอกเบี้ยสูง ฉุดเศรษฐกิจถดถอย
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล