ชาวอเมริกันในเมืองบรูกลิน เซ็นเตอร์ ย่านชานเมืองมินนิแอโปลิส รัฐมินนิโซตา เดินหน้าประท้วงต่อเป็นคืนที่ 3 ในวันอังคาร หลังเกิดเหตุการณ์ที่ตำรวจยิง ดอนเต ไรต์ ชายผิวดำวัย 20 เสียชีวิต ซึ่งสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวเมืองจำนวนมาก ขณะที่การชุมนุมประท้วงเริ่มส่อเค้ารุนแรง มีการปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุม ส่งผลตำรวจบรูกลิน เซ็นเตอร์ออกมาประกาศว่าการประท้วงเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย
การประท้วงเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันอังคาร แต่เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ความโกลาหลก็บังเกิดขึ้นที่สถานีตำรวจบรูกลิน เซ็นเตอร์ เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้สเปรย์พริกไทยและปาระเบิดแสงใส่กลุ่มผู้ประท้วง ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงก็ขว้างปาขวดน้ำและสิ่งของอื่นๆ เข้าใส่เจ้าหน้าที่ปราบจลาจล
Operation Safety Net ซึ่งเป็นการร่วมตัวกันของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐมินนิโซตา ทวีตข้อความว่า คำสั่งเคอร์ฟิวจะมีผลบังคับใช้ในเมืองบรูกลิน เซ็นเตอร์, มินนิแอโปลิส และเซนต์พอล ในเวลา 22.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม เคอร์ฟิวที่บรูกลิน เซ็นเตอร์มีผลบังคับใช้ก่อนเวลาที่กำหนด เมื่อผู้ประท้วงหลายร้อยคนเริ่มรวมตัวกันก่อนเวลาดังกล่าว จากนั้นจึงเดินขบวนจากสถานีตำรวจบรูกลินเซ็นเตอร์ไปยังสำนักงานของ FBI
รายงานระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงผลักดันรั้วด้านนอกสำนักงาน FBI โดยถือป้ายข้อความว่า “ขอความเป็นธรรมให้ดอนเต ไรต์” ขณะที่เจ้าหน้าที่ National Guard ถูกส่งไปประจำการในบรูกลิน เซ็นเตอร์, มินนิแอโปลิส และเซนต์พอล ด้าน พันเอก แมตต์ แลงเกอร์ แห่งหน่วยลาดตระเวนรัฐมินนิโซตา เปิดเผยในวันอังคารว่า ผู้ชุมนุมประมาณ 40 คนถูกจับกุมในคืนวันจันทร์
สำหรับจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกหยุดรถของไรต์ซึ่งทำผิดกฎจราจร แต่กลายเป็นว่าตำรวจทราบว่าเขาถูกหมายจับ จึงพยายามใส่กุญแจมือ ตำรวจในเหตุการณ์อธิบายว่าไรต์ขัดขืนการจับกุม โดยบิดตัวหนีกลับเข้าไปในรถและขับรถออกไป หนึ่งในเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจชักปืนยิงสกัด
ทิม แกนนอน ผู้บัญชาการตำรวจมินนิโซตา ยังอธิบายด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ซึ่งหยิบปืนผิด และยิงปืนจริงใส่ไรต์แทนการใช้ปืนช็อตไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม ออบรีย์ ไรต์ พ่อของไรต์บอกกับสถานีโทรทัศน์ ABC เมื่อวันอังคารว่า เขาไม่สามารถยอมรับคำอธิบายของแกนนอนได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุ
“ผมยอมรับไม่ได้วามันเป็นความผิดพลาด” เขากล่าวกับรายการ Good Morning America ของสถานีโทรทัศน์ ABC โดยเขาให้เหตุผลว่า ตำรวจซึ่งเป็นคนยิงไรต์นั้นปฏิบัติหน้าที่และสังกัดอยู่กับสถานีตำรวจบรูกลิน เซ็นเตอร์มาถึง 26 ปีแล้ว จึงไม่น่าจะทำพลาด
ด้าน เคที ไรต์ แม่ของไรต์กล่าวว่า เธอต้องการเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าว “รับผิดชอบต่อทุกสิ่งที่เธอพรากไปจากเรา”
“มันไม่ควรเลยที่เหตุการณ์จะรุนแรงเช่นนี้” เคที ไรต์ กล่าวกับ ABC
ทั้งนี้การเสียชีวิตของไรต์จากกระสุนของตำรวจ และภาพจากกล้องติดตัวตำรวจที่มีการเผยแพร่ในเวลาต่อมาในวันจันทร์ เป็นชนวนเหตุให้ชาวเมืองรู้สึกโกรธแค้นและมีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และพากันออกมาชุมนุมประท้วงในบรูกลิน เซ็นเตอร์
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า คิม พอตเตอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่ยิงไรต์เสียชีวิต และหัวหน้าตำรวจทิม แกนนอน ยื่นหนังสือลาออกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไมค์ เอลเลียต นายกเทศมนตรีเมืองบรูกลิน เซ็นเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้บอกกับ CBS ว่าเขาต้องการไล่พอตเตอร์ออก กล่าวเมื่อบ่ายวันอังคารว่า เขายังไม่รับยอมรับการลาออกของพอตเตอร์
“เรากำลังดำเนินกระบวนการภายในของเรา เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้” เอลเลียตกล่าวกับผู้สื่อข่าว
เอลเลียตยังได้เปิดเผยด้วยว่า เคิร์ต โบกานีย์ ผู้จัดการเมือง (City Manager) บรูกลิน เซ็นเตอร์ ถูกไล่ออกเพื่อรับผิดชอบต่อการรับมือเหตุประท้วง
“สภาเมืองบรูกลิน เซ็นเตอร์มีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับวิธีการรับมือการประท้วง” เอลเลียตกล่าว “สภาเมืองพิจารณาแล้วว่าการสรรหาผู้นำคนใหม่ของเมืองจะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับบรูกลิน เซ็นเตอร์และชาวเมือง”
ด้าน พีต ออร์พุต อัยการวอชิงตัน เคาน์ตี กล่าวกับ CNN ว่า เขา ‘หวัง’ ว่าจะมีการตัดสินตั้งข้อหากับพอตเตอร์ภายในวันพุธนี้
เอลเลียตเรียกร้อง ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา สั่งการให้ คีธ เอลลิสัน อัยการสูงสุดของมินนิโซตาเข้ามาดูแลคดีของไรต์แทนออร์พุต แต่วอลซ์และเอลลิสันปฏิเสธ โดยกล่าวว่าคดีนี้ควรอยู่ในความรับผิดชอบของออร์พุตต่อไป
ขณะที่ คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า “ไรต์ควรจะมีชีวิตอยู่ในวันนี้” ขณะเดียวกันเธอยังได้เรียกร้องให้ตำรวจรับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้
“สำหรับครอบครัวและบุคคลอันเป็นที่รักของเขา ขอให้พวกคุณทราบว่าประธานาธิบดีและฉันเสียใจกับคุณ ในขณะที่ประเทศชาติโศกเศร้ากับการสูญเสียของเขา” เธอกล่าว “ประเทศของเราต้องการความยุติธรรมและการเยียวยา และกระบวนการยุติธรรมจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานสูงสุด”
ไรต์นับเป็นชายผิวดำรายที่ 3 ที่เสียชีวิตระหว่างการเผชิญหน้ากับตำรวจในพื้นที่มินนิแอโปลิสในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หลังจากเหตุการณ์ยิง ฟิลันโด แคสไทล์ ในฟอลคอนไฮต์สเมื่อปี 2559 และการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ในมินนิแอโปลิสเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ บรูกลิน เซ็นเตอร์อยู่ห่างไปเพียง 10 ไมล์จากสถานที่พิจารณาคดีของ เดเรก ชอวิน อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจมินนิแอโปลิสที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าจอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งการพิจารณาคดีดังกล่าวกำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้
ภาพ: Scott Olson / Getty Images
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: