ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผู้เขียนได้อ่านบทความที่มาของ #KpopeducateyourIDOL ที่แฟนคลับทั่วโลกรณรงค์ให้ศิลปินเคป๊อปหันมาตระหนักและเป็นกระบอกเสียงพูดประเด็นสังคมต่างๆ ให้มากขึ้น จากกรณีที่มีดราม่าเรื่องศิลปินเคป๊อปบูลลี่และเหยียดวัฒนธรรมอื่นแบบไม่ตั้งใจ ผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ก็เกิดดราม่าขุดบ่อน้ำบาดาลของพิมรี่พายว่าไม่ได้มาตรฐานจนเจ้าตัวต้องออกมาพูดผ่านไลฟ์และฝากประโยคเด็ด
“อยากให้ผู้ใหญ่มองโลกเป็นบวกบ้าง อย่ายึดติดกับอะไรเดิมๆ ส่วนผู้ใหญ่ท่านใดที่ยังมีข้อครหากับเด็กอยู่ พิมก็ขออนุญาตแนะนำว่า ไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะ ทำให้เด็กมันเห็นดีกว่า เพราะถ้ายิ่งพูดไปเด็กมันจะยิ่งขำเอาเปล่าๆ ส่วนบ่อบาดาลที่พิมไม่ได้ขุดเข้าไปลึก เพราะว่าพิมกลัวเจอนรกค่ะ”
สองกระแสนี้สะท้อนให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ต้องการไอดอลที่มีมากกว่าความสวยหล่อ แต่เป็นตัวแทน ‘ความเจ็บ ละความเจ๊บ ความฉ่ำ’ ที่พวกเขาเผชิญอยู่ อย่างพิมรี่พายก็อาจจะเป็นแม่ค้าออนไลน์ที่ดูดี แต่สิ่งที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จได้คือความเป็นคนธรรมดาเดินดินที่เผชิญปัญหาสังคมเหมือนๆ กัน และพยายามแก้ปัญหาในรูปแบบของเธอเอง ส่วนศิลปินสวยหล่อก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าภายในกลวงโบ๋คนรุ่นใหม่ก็ไม่เอาเหมือนกัน
พิมรี่ พาย ภาพจากเพจ Pimriepie
สิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องการจากไอดอลยุคนี้คือ ‘ความเรียล’ ที่พิสูจน์ได้เชิงประจักษ์ เพราะเขาเติบโตมาในโลกที่ทุกคนแสดงตัวตนผ่านโซเชียลมีเดียได้เกือบทุกแง่มุม ไอดอลจำพวกป้อนคำหวานผ่านสื่อแต่ไม่เคยลงมือทำอะไรเป็นรูปธรรม กลายเป็นมุกที่ไม่ได้ผลอีกต่อไป เราจึงได้เห็นคนดังที่กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ และกล้าเสี่ยง สร้างกระแสในโลกออนไลน์ได้เสมอ
ฮัน เล มิสแกรนด์เมียนมา ภาพจากเพจ Miss Grand International
อย่างกรณี ฮัน เล มิสแกรนด์เมียนมา ที่ใช้เวที Miss Grand International เรียกร้องให้นานาชาติช่วยเหลือชาวเมียนมาที่กำลังเรียกร้องประชาธิปไตย ทั้งที่รู้ว่าเสี่ยงจะไม่ได้กลับประเทศ แต่เธอก็เลือกพูดถึงปัญหาที่เพื่อนร่วมชาติของเธอกำลังเผชิญ งานนี้ถึงมงไม่ลงแต่ไม่งงนะ เพราะชื่อของ ฮัน เล ปรากฏในสื่อต่างๆ มากกว่าคนที่คว้ามงกุฎเสียอีก หรืออย่างการประกวด Miss Universe ในประเทศไทยเมื่อปี 2018 ก็ได้แจ้งเกิด เฮอ เฮิน เนีย ตัวแทนนางงามจากเวียดนาม เพราะตกเป็นเหยื่อของการบูลลี่ ซึ่งเป็นปัญหาที่คนรุ่นนี้กำลังเผชิญ มันทำสปอตไลต์สาดส่องไปที่เฮอ เฮิน เนีย จนได้เข้ารอบลึกและได้พูดถึงปัญหา Child Marriage และแนะนำให้ทั่วโลกรู้จักชนเผ่าเอเดของเธอ
เฮอ เฮิน เนีย ตัวแทนนางงามจากเวียดนาม ภาพจากเพจ Miss Universe
ใดๆ ก็ตามทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย อย่างกรณี อแมนด้า ออบดัม Miss Universe Thailand ปีล่าสุด ที่ออกมาแสดงจุดยืนต่อต้านการใช้ความรุนแรงของรัฐต่อประชาชน การอุ้มหาย ฯลฯ ก็ถูกปลดจากการเป็นทูตด้านสุขภาพจิตของกรมสุขภาพจิต และแทบจะทันทีที่เพจเฟซบุ๊กของมูลนิธิกระจกเงาได้ชักชวนให้อแมนด้าเข้าร่วมโครงการผู้ป่วยข้างถนน ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบรับลงพื้นที่และทำจริงๆ สิ่งนี้เป็นอะไรที่ ‘โคตรคูล’ ในสายตาคนรุ่นใหม่ ก็ในเมื่ออยากทำไม่จำเป็นต้องเอาหน่วยงานรัฐมาการันตี เมื่อมีแสงสว่างในตัวเองมากพอแล้วจะรอแสงแฟลชไปทำไม
อแมนด้า ออบดัม Miss Universe Thailand ปีล่าสุด ภาพจากมูลนิธิกระจกเงา
จริงอยู่ว่าเราอยู่ในยุคแห่งความขัดแย้ง ไม่ว่าพูดเรื่องอะไรก็ถูกโยงไปที่การเมืองได้เสมอ อย่าง ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ออกมาพูดเรื่องปัญหาทางเท้าในเมืองไทย ก็กลายเป็นว่าไม่รักชาติและถูกไล่ให้กลับเข้าป่าไปเสียอย่างนั้น (ต่อมาพี่ติ๊กก็เข้าป่าจริง คือพูดเรื่องไฟป่าและปัญหาระบบโครงสร้างสังคมที่มีปัญหา…ฮา) ซึ่งถ้ามองกันดีๆ ปัญหาเหล่านี้มันกองอยู่ตรงหน้า ทุกคนก็เห็นอยู่ แล้วจะให้มองข้ามไปได้อย่างไร ผู้เขียนคิดว่าก็เหมือนคนอยู่ในบ้าน ถ้าพื้นทรุด ต้นไม้ในสวนล้ม เราจะนั่งนิ่งดูดายอย่างนั้นหรือ ตรงนี้น่าจะมีส่วนทำให้ติ๊กยังเป็นที่นิยมของคนในเจเนอเรชันใหม่ แม้วัยจะเลยเลข 4 ไปแล้วก็ตาม
ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ภาพจากเพจ Tik Jesdaporn Pholdee
หรืออย่างกรณีของ หมิว-สิริลภัส กองตระการ ที่เธอเชื่อว่าถูกคุกคาม แต่เมื่อผลการพิสูจน์ออกมาไม่เป็นอย่างนั้น ก็ดันมีคอมเมนต์ว่าเธอ ‘หิวแสง’ ทั้งๆ ที่ถ้ามองเฉพาะแค่ปัญหา นี่คือการที่ผู้หญิงคนหนึ่งถูกผู้ชายเดินตามเข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งเป็นใครก็คงไม่แฮปปี้ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับพี่สาว น้องสาว หรือแม่ของเราเอง
อย่างไรก็ดี ผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับการเรียกร้องให้ศิลปินคนดังออกมา Call Out (คิวรถทัวร์อย่าเพิ่งสตาร์ทรถมาลงนะจ๊ะ) เพราะคิดว่ามันมีต้นทุนที่พวกเขาต้องจ่าย หากคิดจะลงทุนก็ต้องปล่อยให้สิทธิในการตัดสินใจกับเขาเอง เพราะเมื่อมีผลกระทบใดๆ เขาคือคนที่รับไปเองเต็มๆ ซึ่งถ้าเขายังนิ่งเฉยต่อปัญหาต่อไป ท้ายที่สุดความนิยมในตัวเขาก็จะลดลงไปเอง
อีกอย่างก็เชื่อว่าการกระทำจะทรงพลังมากๆ หากมันมาจากจิตสำนึกของเขาจริงๆ มากกว่าทำเพราะเอาใจคนอื่น ถ้าคิดว่าเรากำลังถูกลิดรอนสิทธิ ก็อยากให้เรียนรู้ที่จะเคารพสิทธิของคนอื่นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าคนคนนั้นจะคิดเห็นต่างจากเรามากแค่ไหนก็ตาม ผู้เขียนชื่นชมความสัมพันธ์ของ โอ-อนุชิต สพันธุ์พงษ์ และ ฟลุค-พชร ธรรมมล หรือ ฟลุค The Star ทั้งคู่เป็นคู่จิ้นในตำนานตั้งแต่แสดงในละครเรื่อง พรุ่งนี้ก็รักเธอ (2552) มีความสนิทสนมกันดีแม้ว่าจะมีแนวคิดทางการเมืองต่างกันสุดขั้วเลยก็ตาม สำหรับผู้เขียนคิดว่าความสัมพันธ์ก็ส่วนความสัมพันธ์ แต่เรื่องจุดยืนเราถกเถียงด้วยเหตุผลกันได้เพียง แค่เปิดใจรับฟัง เพราะเราต่างเจ็บปวดมามากแล้ว และสังคมนี้มีแต่คนพูด แต่ไม่มีใครฟังใครแบบจริงๆ เลยสักที
ภาพ: เพจ Miss Grand International, เพจมูลนิธิกระจกเงา, เพจ Tik Jesdaporn Pholdee, เพจ Miss Universe, เพจ Pimriepie
อ้างอิง: