×

SAWAD การตั้งบริษัทร่วมทุนกับธนาคารออมสินจะเพิ่ม Operating Leverage และหนุนต่อผลประกอบการ แม้ NIM ต่ำลง

26.03.2021
  • LOADING...
SAWAD การตั้งบริษัทร่วมทุนกับธนาคารออมสินจะเพิ่ม Operating Leverage และหนุนต่อผลประกอบการ แม้ NIM ต่ำลง

เกิดอะไรขึ้น:

เมื่อวานนี้ (25 มีนาคม) บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ได้เปิดตัวบริษัทร่วมทุนกับธนาคารออมสินเพื่อดำเนินธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ หลังจากที่ SAWAD ได้ขายหุ้น 49% ใน บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด (FM) ให้กับธนาคารออมสินเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2564 

 

โดย FM ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 2.0 หมื่นล้านภายในปี 2564 ซึ่งเฟสแรกจะเริ่มรับจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ด้วยอัตราดอกเบี้ยโปรโมชัน 14.99% ต่อปี ซึ่งต่ำสุดในตลาดตอนนี้ หลังหมดช่วงโปรโมชัน อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง 16-18% ต่อปี และต่อจากนี้จะขยายธุรกิจสู่สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ในอีก 2 เดือนถัดมา โดยในปีแรกของการดำเนินธุรกิจ FM คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 300-400 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ากำไรสุทธิในอดีตที่ผ่านมาที่ 600-700 ล้านบาท เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง

 

สำหรับจุดให้บริการในช่วงแรกจะครอบคลุมสาขาของเงินสดทันใจ 5,000 สาขาทั่วประเทศ และ 35 สาขาของธนาคารออมสิน โดยใน 2Q64 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 500 สาขาในธนาคารออมสิน และอีก 800 สาขาใน 4Q64

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น SAWAD ปรับตัวขึ้น 3.04%WoW สู่ระดับ 84.75 บาท เทียบกับ SET index ที่ปรับตัวขึ้น 0.70%WoW สู่ระดับ 1,574.86 จุด (ข้อมูล วันที่ 26 มีนาคม 2564)

 

มุมมองระยะสั้น:

SCBS คาดว่าสินเชื่อของ SAWAD จะมีแนวโน้มเติบโตเร่งตัวขึ้น ซึ่งหลักๆ เกิดจากการปล่อยสินเชื่อของบริษัทร่วมทุน (FM) ซึ่งมีการจัดโปรโมชันลดดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่ถูกที่สุดในตลาด

 

สำหรับแนวโน้มกำไร 1Q64 ของ SAWAD จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ โดยมีสาเหตุมาจากการบันทึกกำไรพิเศษราว 300 ล้านบาทจากการขายหุ้นในบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ เอส ดับบลิว พี ซึ่งขายให้กับ NOBLE และบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ซึ่งขายให้กับธนาคารออมสิน ขณะที่การดำเนินธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถของ FM จะยังไม่นัยยะต่อผลประกอบการของ SAWAD ใน 1Q64 

 

มุมมองระยะยาว:

เนื่องจากมีการใช้ Back Office ร่วมกันกับบริษัทร่วมทุน ซึ่งจะทำให้ SAWAD มี Operating Leverage ที่สูงขึ้น จึงทำให้ SCBS คาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ของ SAWAD จะปรับตัวลดลงจาก 37.5% ในปี 2563 สู่ระดับ 35% ในปี 2564 และ 32% ในปี 2566 นอกจากนี้ SAWAD ยังได้กลับมาดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพผ่านบริษัทร่วมทุนกับ NOBLE โดยในปี 2564 นี้วางแผนที่จะเข้าซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมูลค่า 3-5 พันล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้ผลตอบแทนจากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ 10% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า 

 

ปัจจัยสนับสนุนเหล่าทำให้ SCBS คาดว่าแนวโน้มกำไรปี 2564 ของ SAWAD จะเติบโต 4.9%YoY สู่ระดับ 4,727 ล้านบาทในปี 2564 และเติบโต 9.9%YoY สู่ระดับ 5,195 ล้านบาทในปี 2565 แม้แนวโน้มส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) จะลดลง

 

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือการแย่งลูกค้ากันเองของบริษัทร่วมทุนจากธนาคารออมสินและ SAWAD รวมถึงการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรงขึ้น

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising