เอกสารที่เผยแพร่โดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) เมื่อวานนี้ (24 กุมภาพันธ์) บ่งชี้ว่าวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Johnson & Johnson มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง 86% ในการป้องกันการเกิดอาการป่วยที่รุนแรงจากโควิด-19 ซึ่งผลการประเมินเบื้องต้นนี้จะกรุยทางให้วัคซีน Johnson & Johnson กลายเป็นวัคซีนตัวที่ 3 ที่ได้รับการอนุมัติโดย FDA ภายในไม่กี่วันข้างหน้า สำหรับใช้งานฉุกเฉินในสหรัฐฯ ต่อจาก Pfizer และ Moderna
ผลการประเมินนี้เผยแพร่ออกมาสองวันก่อนที่คณะที่ปรึกษาอิสระของ FDA มีกำหนดจะประชุมเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตให้ใช้งานวัคซีน Johnson & Johnson เป็นกรณีฉุกเฉินในสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวัคซีนและผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (VRBPAC) จะลงความเห็นแนะนำให้ FDA ให้ไฟเขียวกับวัคซีนชนิดนี้ต่อไป
หากอนุมัติแล้ว วัคซีนของ Johnson & Johnson จะถือเป็นวัคซีนทางเลือกที่มีประสิทธิภาพต่อจาก Pfizer และ Moderna ในสหรัฐฯ โดยมีจุดเด่นคือสามารถใช้เพียงโดสเดียวหรือเข็มเดียวต่อคน ต่างจากวัคซีนของเจ้าอื่นที่ต้องใช้สองโดสเป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ยังมีข้อได้เปรียบในการเก็บรักษาและขนส่ง เพราะสามารถเก็บในตู้เย็นปกติ ไม่ต้องใช้ตู้แช่แบบพิเศษ
ก่อนหน้านี้ Janssen บริษัทด้านเภสัชกรรมของ Johnson & Johnson ในเบลเยียม ยืนยันว่า ข้อมูลจากการทดลองวัคซีนในคนชี้ว่า ผลิตภัณฑ์ของพวกเขามีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการเกิดอาการที่รุนแรงจากโควิด-19
FDA ระบุในเอกสารการประเมินว่า วัคซีนของ Johnson & Johnson มีประโยชน์ในการลดทั้งการป่วยที่แสดงอาการและแบบอาการรุนแรง โดยข้อมูลชี้ว่ามีประสิทธิภาพสูงเกิน 85% ในการป้องกันการป่วยที่รุนแรง แต่โดยเฉลี่ยหรือภาพรวมแล้วมีประสิทธิภาพ 66% หากรวมอาการปานกลางเข้าไปด้วย ซึ่งพิจารณาจากเคสติดเชื้อที่เกิดขึ้นหลังรับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 28 วัน
ในด้านความปลอดภัยนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่พบกรณีการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ที่รับการทดลองด้วยวัคซีนของ Johnson & Johnson รวมทั้งยังไม่พบกรณีการป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหลังฉีดวัคซีนแล้ว 28 วัน
ภาพ: Artur Widak / NurPhoto via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: