×

สุรเชษฐ์ ชำแหละ ‘3 ป.’ ทำรถไฟฟ้าแพง ปั้นตัวเลข-ปั่นโครงการ-ปันผลประโยชน์ หากินบนความเดือดร้อนของประชาชน

โดย THE STANDARD TEAM
18.02.2021
  • LOADING...
สุรเชษฐ์ ชำแหละ ‘3 ป.’ ทำรถไฟฟ้าแพง ปั้นตัวเลข-ปั่นโครงการ-ปันผลประโยชน์ หากินบนความเดือดร้อนของประชาชน

เมื่อวานนี้ (17 กุมภาพันธ์) ที่รัฐสภา สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยเป็นการอภิปราย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีมีส่วนทำให้เกิดปัญหาค่ารถไฟฟ้าแพง โดยระบุว่าตนเห็นด้วยกับการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ แต่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ นั่นคือการหากินกับการสร้างรถไฟฟ้าและทิ้งปัญหาไว้มากมายให้กับประชาชน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือปัญหาค่ารถไฟฟ้าแพง และมีทีท่าว่าจะแพงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เพราะรัฐบาลนี้สร้างรถไฟฟ้าแบบไม่คิด มองแยกเป็นสายๆ แบ่งเค้กเป็นรายๆ แบบไร้มาตรฐาน ผิดจากต่างประเทศ บางเแห่งที่เขาใช้ค่าโดยสารคงที่ในแต่ละโซน และบางแห่งก็ใช้ค่าโดยสารตามระยะทางแต่ไม่มีค่าแรกเข้าที่ซ้ำซ้อน ทั้งนี้การก่อสร้างรถไฟฟ้าแต่ละสายในประเทศไทยใช้เงินลงทุนเยอะมาก แต่สุดท้ายเนื่องจากการวางแผนบริหารจัดการที่ล้มเหลว ทำให้คนมาใช้น้อย ไม่คุ้มค่า สุดท้ายภาระจึงต้องตกมาอยู่ที่ประชาชน ส่วนคนอนุมัติและผู้รับสัมปทานรวยเอาๆ

 

สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า ปัญหาค่ารถไฟฟ้าแพงที่ประชาชนต้องแบบรับนี้ สามารถสรุปได้ด้วยกระบวนที่เรียกว่า 3 ป. คือ ป. ปั้นตัวเลข, ป. ปั่นโครงการ และ ป.ปันผลประโยชน์ เริ่มต้นที่ ป. แรก การปั้นตัวเลข เกิดจากการที่ พล.อ. ประยุทธ์ สั่งการอย่างมีธง โดยที่ไม่ได้ศึกษาอย่างจริงจังและเป็นกลาง มีการปั้นตัวเลขให้ดูคุ้มค่าทางเศรษฐกิจเพื่อที่จะได้สร้าง ปั้นตัวเลขให้ดูกำไรน้อยหรือขาดทุนเพื่อที่จะได้ใช้เงินรัฐไปช่วยอุดหนุนเอกชนให้มากๆ ผ่านกระบวนการ PPP (หมายถึงข้อตกลงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนตั้งแต่สองรายขึ้นไป โดยส่วนมากเป็นความร่วมมือในระยะยาว) ยิ่งถ้าเป็นในช่วงรัฐประหารที่ระบบตรวจสอบล้มเหลว คงไม่มีใครกล้าขวางธงจากนายกรัฐมนตรี ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ รถไฟฟ้าสายสีม่วงทุกวันนี้ค่าตั๋วโดยสารยังไม่พอจ่ายแม้กระทั่งค่าบริหารจัดการ ทำให้รัฐต้องอุ้มอยู่ปีละประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท โดยต้องอุดหนุนค่าเดินทางเฉลี่ย 147 บาทต่อคนต่อเที่ยว มองอย่างไรก็จะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มทุนทางการเงินและไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งตรงส่วนนี้พิสูจน์ได้ จึงสรุปได้ว่ามีการปั้นตัวเลขเสกมาว่าโครงการคุ้มค่า แต่ว่าความจริงแล้วไม่ แค่อยากหากินกับการอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ใช่หรือไม่ ดังนั้นท่านต้องเลิกสั่งไปเรื่อยได้แล้ว และต้องให้มีการศึกษาอย่างจริงจังและเป็นกลางก่อนที่จะให้อนุมัติโครงการ

 

“ป. ต่อมาคือปั่นโครงการ เป็นการดำเนินการอย่างเร่งรีบ อยากแต่จะสร้างเพื่อหวังหัวคิวใช่หรือไม่ และโครงการเหล่านี้ก็กระจุกตัวอยู่แค่ในกรุงเทพมหานคร ไม่ให้ความสำคัญกับหัวเมืองอื่น ทั้งที่ประเทศไทยไม่ได้มีแค่กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ระบบขนส่งสาธารณะเองก็ไม่ได้มีแค่รถไฟฟ้าอย่างเดียว ยังมีแบบอื่นๆ แต่ท่านไม่เลือก ซึ่งการรีบสร้างแบบเกินพอดีนี้ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าโดยสารแพง รถติดมาก มลพิษมาก อีกทั้งจะเป็นการหาเรื่องขยายสัมปทานไปเรื่อยๆ เนื่องจากรัฐไม่เหลือเงินไปอุดหนุน ต้องเอาเงินลูกหลานมาใช้ก่อน ดังนั้นข้อเสนอในการแก้เรื่องนี้คือการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะต้องมองอย่างเป็นระบบ เพราะลักษณะเฉพาะของแต่ละระบบมีผลโดยตรงต่อเงินอุดหนุนโครงการจากรัฐ รถไฟฟ้านั้นดีจริงแต่ใช้เงินเยอะและใหญ่เกินจำเป็นในหลายเส้นทาง ทำให้รัฐต้องอุดหนุนมาก ทั้งนี้ในกรณีของกรุงเทพมหานคร สิ่งที่ขาดมากคือรถเมล์ที่ดีและครอบคลุมอย่างทั่วถึง ซึ่งจะเป็นการอุดหนุนผู้มีรายได้น้อยโดยตรง 

 

“ผมอยากบอก พล.อ. ประยุทธ์ ว่า การสร้างรถไฟฟ้าเยอะๆ ไม่ได้แปลว่าท่านเก่ง เพราะท่านไม่ใช่เป็นคนลงมือสร้าง แต่เป็นคนจัดสรรผลประโยชน์ การสั่งการไปเรื่อย อนุมัติโครงการใหญ่ๆ เอื้อต่อการหักหัวคิวหรือไม่ นี่ยังไม่พูดถึงการลัดขั้นตอนโดยใช้ ม.44 ซึ่งชัดเจนมากในช่วงที่ผ่านมา ทั้งยังแต่งตั้งพวกพ้องมามุบมิบเจรจาอย่างไม่เปิดเผยข้อมูลด้วย โดยสรุปเรื่องการปั่นโครงการนี้ก็จะพบว่า เป็นการผลาญเงินอย่างมหาศาล โดยไม่คำนึงถึงจังหวัดอื่นและเรื่องอื่นๆ ระบบอื่นๆ เช่น รถเมล์ที่ควรจะเป็นเส้นเลือดฝอยส่งคนไปตามที่ต่างๆ อย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว” สุรเชษฐ์กล่าว

 

สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า ป.สุดท้ายคือ ปันผลประโยชน์ ซึ่งที่ชัดเจนก็คือเมกกะดีล รถไฟฟ้าสายสีเขียวและรถไฟฟ้าสายสีส้มที่เกิดปัญหาฟ้องร้องกันจนทุกวันนี้ กล่าวโดยสรุป นี่คือเป็นโครงการที่คนอนุมัติรวย นายทุนยิ้ม ขณะที่ประชาชนต้องเป็นผู้จ่ายทั้งภาษีและค่าโดยสารที่แพงมากๆ และเมื่อทั้ง 3 ป. มาเจอกัน นั่นคือ ป. การปั้นตัวเลข บวก ป. การปั่นโครงการ บวก ป. การปันผลประโยชน์ ผลลัพธ์ก็คือบ้านเมืองบรรลัย ด้วยเหตุนี้ตนจึงไม่อาจไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งทำหน้าที่บริหารประเทศอีกต่อไป

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X