×

The Weeknd จากลูกชายผู้อพยพจากเอธิโอเปีย สู่ศิลปินแห่งยุคบนเวที Super Bowl

08.02.2021
  • LOADING...
The Weeknd จากลูกชายผู้อพยพจากเอธิโอเปีย สู่ศิลปินแห่งยุคบนเวที Super Bowl

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า ณ เวลานี้ อาเบล เทสเฟย์ หรือ The Weeknd คือหนึ่งในศิลปินแห่งยุคที่ทรงอิทธิพลและประสบความสำเร็จมากที่สุด ผู้ที่ไม่ว่าจะทำหรือปล่อยผลงานอะไรออกมาก็มักจะเป็นกระแสโด่งดังถูกพูดถึงในวงกว้างอยู่เสมอ

 

โดยเฉพาะตลอดปี 2020 ที่เรียกได้ว่าเป็นปีทองของเจ้าตัวอย่างแท้จริงเมื่อ After Hours (2020) สตูดิโออัลบั้มชุดล่าสุด ซึ่งหลายฝ่ายยกให้เป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดของ The Weeknd ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน ส่งผลให้มูลค่าในตัวเขาพุ่งสูงทะลุเพดาน จนทำให้นักร้องหนุ่มชาวแคนาดาคนนี้ได้รับโอกาสขึ้นโชว์ครั้งสำคัญบนเวทีอันยิ่งใหญ่ Super Bowl Halftime Show 2021

 

วันนี้ THE STANDARD POP ขอพาทุกคนย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น พร้อมสำรวจหลากหลายเรื่องราวชีวิต เพื่อทำความรู้จักกับ The Weeknd ให้มากขึ้นกว่าเดิม ไปดูกันว่าก่อนจะได้ชื่อเป็นหนึ่งในศิลปินผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกยุคใหม่ และได้ขึ้นโชว์บนเวที Super Bowl Halftime Show ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของชีวิตศิลปินนั้น เขาต้องผ่านและพบเจออะไรมาบ้าง

 

The Weekend หรือชื่อจริง อาเบล เทสเฟย์ คือนักร้องนักแต่งเพลงแนวอาร์แอนด์บีชาวแคนาดามากฝีมือ ผู้มีเสียงร้องและสไตล์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เขาเกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1990 ในเมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวที่พ่อและแม่เป็นผู้อพยพมาจากเอธิโอเปียช่วงปลายยุค 80 ซึ่งชีวิตวัยเด็กของเขานั้นไม่ได้ราบรื่นเท่าไรนัก ต้องย้ายไปอยู่กับยายหลังพ่อแม่แยกทางกัน แทบไม่เคยเห็นหน้าพ่อ เรียนไม่จบ ทั้งยังเคยติดอยู่ในวังวนความหลอกหลอนของยาเสพติดอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่อาจขวางกั้นเขาจากความต้องการในใจ หากเพื่อการได้เป็นศิลปินแล้วล่ะก็ เขาพร้อมทำทุกอย่างด้วยความมุ่งมั่น

 

เส้นทางชีวิตศิลปินของอาเบลเริ่มต้นขึ้นในปี 2010 โดยเขาก้าวเท้าเข้าวงการดนตรีมาพร้อมกับชื่อ The Weeknd ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการดร็อปเรียน ก่อนจะเริ่มทำเพลงปล่อยให้คนฟังกันบนโลกอินเทอร์เน็ต และเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในปี 2011 หลังปล่อยอัลบั้มมิกซ์เทปชื่อ House of Balloons, Thursday และ Echoes of Silence ออกมาตามลำดับ

 

The Weeknd เซ็นสัญญากับค่ายเพลง Republic Records ในปี 2012 และเริ่มออกทัวร์คอนเสิร์ตเพื่อโปรโมตผลงานพร้อมสร้างฐานแฟนคลับไปในตัว โดยเขามีโอกาสได้ขึ้นโชว์ในเทศกาลดนตรียักษ์ใหญ่หลายงาน เช่น Coachella, Primavera Sound, Lollapalooza รวมถึงทัวร์ของตัวเองด้วย และต่อมาก็ปล่อยสตูดิโออัลบั้มชุดแรก Kiss Land (2013) ตามด้วย Beauty Behind the Madness (2015) ที่มีเพลงดังอย่าง The Hills, Can’t Feel My Face และ Earned It บรรจุอยู่ ซึ่งถึงจุดนี้ ชื่อของ The Weeknd กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแล้ว แต่ทว่าหากมีเพียงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นมันก็คงไม่ใช่ชีวิต ในปีเดียวกันกับที่ออกอัลบั้ม Beauty Behind the Madness เขาต้องเผชิญกับปัญหาด้านภาพลักษณ์ หลังถูกจับกุมตัวในข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจลาสเวกัส และถูกศาลตัดสินให้ทำงานรับใช้ชุมชนเป็นเวลา 50 ชั่วโมง 

 

ส่วนผลงานอัลบั้มสองชุดหลังสุดอย่าง Starboy (2016) และ After Hours (2020) ก็โด่งดังเป็นพลุแตก โดยเฉพาะงานหลังที่กำลังฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่ตอนนี้ เป็นผลงานที่หลายคนมองว่าดีที่สุดของ The Weeknd เป็นอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา และส่งให้เขากลายเป็น ‘ศิลปินแห่งยุค’ อย่างเต็มภาคภูมิ หลังสื่อดนตรีชื่อดังหลายสำนักต่างพร้อมใจกันประเคนคำวิจารณ์ในระดับดีเยี่ยมให้ อีกทั้งมันยังสร้างสถิติใหม่มากมาย ตั้งแต่สามารถทำยอดขายได้ถึง 444,000 ก๊อปปี้ในสัปดาห์แรก, สร้างสถิติใหม่กลายเป็นอัลบั้มที่มีการ Pre-add มากสุดตลอดกาลของ Apple Music, สร้างสถิติใหม่เพลง Blinding Lights สามารถติด Top 10 ชาร์ต Billboard Hot 100 นานที่สุดในประวัติศาสตร์ (42 สัปดาห์), ชนะรางวัลจากงานประกาศรางวัลทางดนตรีงานใหญ่ฝั่งอเมริกาทั้ง American Music Awards และ MTV Video Music Awards 

 

อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่แค่ Blinding Lights เพลงเดียวก็มียอดกดฟังใน YouTube และ Spotify รวมกันกว่า 2.3 พันล้านครั้งแล้ว และพูดกันด้วยความสัตย์จริง ในอัลบั้มชุดนี้ไม่ได้มีดีแค่ Blinding Lights แต่เพลงอย่าง Heartless, In Your Eyes, Save Your Tears รวมถึงเพลงอื่นๆ ในอัลบั้ม ก็ล้วนเป็นเพลงระดับคุณภาพที่มีทั้งความไพเราะและการเรียบเรียงดนตรีอันโดดเด่นมีชั้นเชิง สามารถฟังวนได้เรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลิน

 

ด้วยความดีงามเหล่านี้เอง ที่ทำให้เราและเชื่อว่าคนทั้งโลกก็ยังคงสงสัยว่าทำไมอัลบั้ม After Hours ของ The Weeknd ถึงไม่ได้เข้าชิงรางวัล Grammy Awards ในปีนี้ ‘แม้แต่รางวัลเดียว’ โดยก่อนหน้านี้ The Weeknd เคยชนะรางวัล Grammy Awards มาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง ในปี 2014, 2016 และ 2018

 

แต่ถึงตอนนี้เราคิดว่า The Weeknd คงไม่ได้สนใจเรื่องรางวัลอะไรเท่าไรแล้ว เพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่อัลบั้ม After Hours ตอบแทนให้กับการทำงานหนักของเขา คือการได้ขึ้นโชว์บนเวที Super Bowl Halftime Show 2021 ณ สนามกีฬาเรย์มอนด์ เจมส์ สเตเดียม เมืองแทมปา รัฐฟลอริดา ที่จบลงไปเมื่อเช้าวันนี้ ซึ่งเขาได้สร้างประวัติศาสตร์ กลายเป็นนักร้องชาวแคนาดาคนแรกที่ได้ขึ้นโชว์ Super Bowl ช่วงพักครึ่งแบบเดี่ยวๆ ไม่มีแขกรับเชิญ 

 

โดยตลอดเวลา 14 นาทีของการแสดง The Weeknd ได้ร้องเมดเลย์เพลงฮิตอย่าง Starboy, The Hills, Can’t Feel My Face, I Feel It Coming, Save Your Tears และ Earned It ประกอบงานโปรดักชันสุดอลังการที่ตัวเขายอมควักเงินตัวเองกว่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 210 ล้านบาท รังสรรค์มันขึ้นมา ซึ่งก็ถือว่าเป็นโชว์ที่น่าประทับใจและน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย โดยเฉพาะตอนร้องเพลง Blinding Lights ปิดท้าย ที่จ้างแดนซ์เซอร์นับร้อยชีวิตมาแต่งตัวด้วยชุดสูทสีแดงพร้อมพันผ้าก็อตสีขาวตามคอนเซปต์อัลบั้ม After Hours

 

แม้ว่าการแสดง Super Bowl Halftime Show ของ The Weeknd จะไม่ใช่โชว์ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านสภาพแวดล้อม โรคระบาด หรืออะไรก็ตาม แต่มันก็ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมของนักร้องหนุ่มวัย 30 ปีคนนี้ มันเป็นโชว์ที่ช่วยตอกย้ำกับเราอีกครั้งว่า เขาคู่ควรกับตำแหน่งศิลปินแห่งยุค และนี่เป็นช่วงเวลาของเขาจริงๆ 

 

หลังจาก Super Bowl Halftime Show 2021 ที่เพิ่งจบลงไป คาดว่าต่อจากนี้ทาง The Weeknd น่าจะเตรียมตัวสำหรับ The After Hours Tour ทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกเพื่อโปรโมตอัลบั้ม After Hours ที่จะเกิดขึ้นในปี 2022 ตามประกาศอย่างเป็นทางการจากโซเชียลมีเดียของเขาเอง หลังถูกเลื่อนมาหลายรอบเนื่องจากวิกฤตโควิด-19 ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ 

 

ต่อจากนี้ไปก็คงต้องติดตามดูกันว่าในอนาคต The Weeknd จะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์วงการดนตรีและแฟนเพลงทั่วโลกอีกบ้าง แต่หากมองย้อนกลับไปยังวันแรกที่เขาเป็นเพียงเด็กชายจากครอบครัวผู้อพยพชาวเอธิโอเปียที่เส้นทางชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เชื่อว่าหลายคนคงคิดเหมือนกันว่าความสำเร็จทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นกับเขามันช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์และน่านับถือมาก

 

ภาพ: Kevin Mazur/Getty Images for TW 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising