รัฐบาลโปแลนด์ประณามฝ่ายขวาสุดโต่ง หลัง ปชช. 60,000 คน ร่วมเดินขบวนในวันประกาศอิสรภาพ

รัฐบาลโปแลนด์ออกมาประณามสโลแกนแสดงจุดยืนเหยียดเชื้อชาติจากการเดินขบวนเนื่องในโอกาสครบรอบวันประกาศอิสรภาพเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

Piotr Glinski รัฐมนตรีวัฒนธรรมเปิดเผยว่า ป้ายสโลแกนที่พบในงานถือเป็น ‘การยั่วยุทางการเมือง’ ที่มีเนื้อหาด้านลบต่อนโยบายหลากวัฒนธรรมและความถูกต้องทางการเมือง

ตำรวจได้ประมาณการยอดผู้เข้าร่วมไว้ 60,000 คน โดยในงานวันเสาร์ที่ผ่านมา (11 พ.ย.) ถือเป็นงานรวมตัวนักเคลื่อนไหวฝ่ายที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของยุโรปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นิค โลว์เลส นักเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มสุดโต่งจากสหราชอาณาจักรเปิดเผยว่า “ยอดคนเข้าร่วมในปีนี้ดูเหมือนเยอะขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นฝ่ายขวาสุดโต่งหรือกลุ่มฟาสซิสต์ การชุมนุมมีความสำคัญมากขึ้น และยังดึงดูดฝ่ายขวาจากทั่วโลกด้วย”

ผู้คนต่างพาตะโกนแสดง “โปแลนด์บริสุทธิ์ โปแลนด์สีขาว” หรือ “คนลี้ภัยออกไป” บางรายถือป้ายระบุข้อความ “ภาวนาให้การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุอิสลาม”

ผู้เข้าร่วมหลายรายร้องก้องว่า “เราต้องการพระเจ้า” โดยถือเป็นถ้อยความส่วนหนึ่งจากบทเพลงศาสนาของโปแลนด์ ท่ามกลางเสียงประกาศจากแกนนำเรียกร้องให้ผู้คนรวมตัวกันยืนยันต่อต้านฝ่ายเสรีนิยมและปกป้องคุณค่าทางศาสนาคริสต์

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เคยยกถ้อยความนี้มาใช้ระหว่างเยือนกรุงวอร์ซอช่วงต้นปีที่ผ่านมา

“เหนือสิ่งอื่นใด ศาสนาเป็นเครื่องมือทางวาทศิลป์ที่กลุ่มฝ่ายขวาใช้เพื่อแสดงออกว่า ตัวเขาเป็นผู้ปกป้องคุณค่าต่างๆ ตามธรรมเนียม พร้อมต่อต้านความก้าวหน้าฝ่ายเสรีนิยมและบาปอื่นๆ” อันเดร ปิร์โร นักวิจัยจาก Scuola Normale Superiore กล่าว

เขาชี้อีกว่า ถ้อยความดังกล่าวแบ่งแยกกลุ่มความเป็น ‘คนคริสเตียน’ และอีกฝ่ายที่ไม่ใช่คนคริสเตียน

ฝ่ายสถานีโทรทัศน์ TVP ของรัฐบาลเรียกเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า ‘การเดินขบวนอันยอดเยี่ยมของเหล่าผู้รักชาติ’ ภายในการออกอากาศรายการ สถานีระบุว่า ผู้เข้าร่วมเป็นคนที่ต้องการแสดงออกถึงความรักต่อโปแลนด์ และไม่ได้เป็นฝ่ายสุดโต่งแต่อย่างใด

ขณะที่กลุ่ม Antifa ในวอร์ซอได้เดินขบวนต่อต้านภายใต้สโลแกน ‘สู่อิสรภาพของท่านและเรา’ โดยลิเดีย โดมานสกา จากทางกลุ่มเผยว่า มีคนประมาณ 5,000 คนมาเข้าร่วม

“สื่อเต็มไปด้วยโฆษณาชวนเชื่อฝ่ายขวา วาทกรรมนี้เริ่มเปลี่ยนแปลงมุมมองที่เมื่อไม่กี่ปีก่อนถูกคนมองอย่างชัดเจนว่าเป็นฟาสซิสต์หรือพวกเหยียดเชื้อชาติ” เธอกล่าว

ในปี 1918 โปแลนด์ได้รับเอกราชคืนหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติการปกครองนับ 123 ปีของปรัสเซีย ราชวงศ์ฮับส์บูร์ก และจักรวรรดิรัสเซีย

งานศึกษาโดยศูนย์วิจัยความคิดเห็นสาธารณะ (CBOS) ที่ตีพิมพ์เมื่อช่วงเดียวกันในปีก่อน เปิดเผยว่า แม้ชาวโปแลนด์ 17 เปอร์เซ็นต์จากกลุ่มตัวอย่างแสดงจุดยืนสนับสนุนการเคลื่อนไหวฝ่ายขวา แต่มีเพียง 7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มองว่าตัวเองเป็นกลุ่มชาตินิยม

88 เปอร์เซ็นต์มองว่าตัวเองเป็นคนรักชาติ แม้จะมีผู้คนเกินครึ่งมองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างชาตินิยมและรักชาติก็ตาม

Photo: AFP

อ้างอิง: