จากกรณีที่กองทัพเมียนมาประกาศภาวะฉุกเฉิน 1 ปี ออง ซาน ซูจี และผู้นำคนสำคัญถูกควบคุมตัว โดยอ้างเหตุการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 ว่ามีการทุจริต
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ประเมินเป็นเซนทิเมนต์เชิงลบระยะสั้นต่อราคาหุ้นซึ่งมีสัดส่วนรายได้หรือฐานการผลิตในเมียนมา โดยฝ่ายวิจัยรวบรวมบริษัทภายใต้การวิเคราะห์ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ในเมียนมาอยู่ในช่วง 1-12% ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ต้องติดตามสถานการณ์ต่อในระยะถัดไป
สำหรับหุ้นที่คาดว่าได้รับผลกระทบแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มพลังงานคือ PTTEP สัดส่วนรายได้ 12%
- กลุ่มโรงพยาบาลคือ BH สัดส่วนรายได้ 7-8%, PR9 สัดส่วนรายได้ 3-4% และ BDMS สัดส่วนรายได้ 2-3%
- กลุ่มส่งออกคือ DELTA สัดส่วนรายได้ 2%
- กลุ่มค้าปลีกและเครื่องดื่มคือ OSP สัดส่วนรายได้ 10%, BJC สัดส่วนรายได้น้อยกว่า 3%, MAKRO สัดส่วนรายได้น้อยกว่า 1%, TKN สัดส่วนรายได้น้อยกว่า 1% และ ILM สัดส่วนรายได้น้อยกว่า 1%
- กลุ่มเช่าซื้อคือ AEONTS สัดส่วนรายได้ 1% และ SAWAD สัดส่วนรายได้ 0.3%
- กลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างซึ่งมีธุรกิจในเมียนมาคือ ITD, SEAFCO, NWR, SCC, SQ และ TTCL
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์