สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่าความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธที่ 27 มกราคมปิดลบแดงทั้งกระดาน คิดเป็นสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ที่มากที่สุดในรอบ 3 เดือน เหตุนักลงทุนผิดหวังจากรายได้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาด บวกกับถ้อยแถลงของคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ไม่มีมาตรการใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ปิดตลาดลดลง 633.87 จุด หรือ 2.1% ปิดตลาดที่ 30,303.17 จุด ซึ่งเป็นระดับที่เลวร้ายสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 98.85 จุด หรือ 2.6% มาอยู่ที่ 3,750.77 จุด ร่วงลงจากระดับสูงสุด และนับเป็นการร่วงที่มากที่สุดในรอบ 3 เดือน ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต ลดลง 355.47 จุดหรือ 2.6% ปิดตลาดที่ 13,270.60 จุด
ความเคลื่อนไหวในตลาดหลังมีรายงานผลประกอบการของ Boeing ผู้ผลิตเครื่องบินชั้นนำของสหรัฐฯ ที่ลดลง 4% ขณะที่รายได้ของ AMD ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ก็ลดลง 6% ซึ่งเป็นรายได้ที่น้อยกว่าที่ตลาดคาดหวังไว้ค่อนข้างมาก ประกอบกับการที่นักลงทุนอีกส่วนหนึ่งเกิดความวิตกกังวลจากพฤติกรรมเก็งกำไรของนักลงทุนมือสมัครเล่นรายย่อยที่เข้ามาซื้อหุ้นของ GameStop และ AMC Entertainment ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังจะเข้าสู่ช่วงปรับฐานอีกครั้ง
นอกจากนี้การแห่เทขายจนทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ติดลบนี้ยังมีขึ้นเพราะนักลงทุนผิดหวังจากมติการประชุมของ Fed ที่ไร้มาตรการกระตุ้นใหม่ๆ ทั้งที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในเวลานี้ต้องการมาตรการทางการเงินเข้ามาช่วยประคับประคองเศรษฐกิจโดยรวม
ด้านสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำก็ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ ท่ามกลางความกังขาของนักลงทุนที่มีต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ และเป็นผลมาจากการที่ Fed คงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำและดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไปจนทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
โดยราคาทองคำปรับตัวลง 0.36% มาอยู่ที่ 1,844.61 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม ขณะที่ราคาทองคำในตลาดฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ลดลง 0.6% มาอยู่ที่ 1,844.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: