ในยามปกติแล้ว ยามนี้ของเมืองโรวาเนียมิคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเมืองที่แสนหนาวเหน็บอยู่ทางตอนเหนือสุดของฟินแลนด์
เพราะเมืองเล็กๆ ที่มีจำนวนประชากร 63,000 คนแห่งนี้จะถูกตกแต่งประดับประดาไปด้วยสีสัน บรรยากาศของวันคริสต์มาส บทเพลงแสนไพเราะ แสงไฟ ตุ๊กตาหิมะ กวางเรนเดียร์ และแน่นอนว่าจะขาดคุณลุงในชุดแดงผู้เป็นที่รักของคนทั้งโลกอย่างซานตาคลอสไปเสียมิได้
ที่ขาดไม่ได้ก็เพราะโรวาเนียมิคือเมืองที่เป็นบ้านเกิดของคุณลุงซานต้านั่นเอง!
ทุกเดือนธันวาคม นอกจากที่ผู้คนจากทั่วโลกจะเดินทางมาเพื่อ ‘ล่าแสงเหนือ’ แล้ว ก็ยังต้องการมาสัมผัสบรรยากาศและตามรอยความฝันในการมาขอของขวัญจากลุงซานต้าถึงที่นี่
เพียงแต่ในปีนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม เพราะแม้ในเมืองจะยังมีบรรยากาศของการเฉลิมฉลองอยู่ แต่มันเป็นการฉลองที่เงียบและเหงา ไม่มีใครที่จะเดินทางมาหาเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ในเมืองแห่งนี้ได้รับผลกระทบน้อยมากจากสถานการณ์ของโรคระบาดโควิด-19 ก็ตาม
ยูฮา เอเตไลเนน ชาวเมืองคนหนึ่งอธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “เราไม่ได้รับผลกระทบจากไวรัสมากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตอนเหนือของฟินแลนด์ แต่ว่าบรรยากาศนั้นแตกต่างจากเดิมมากเพราะไม่มีนักท่องเที่ยว ทุกอย่างมันเงียบมาก และเราก็ไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้เลย โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ของปี
มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับผู้คนที่นี่ที่พึ่งพิงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหลักในการหารายได้ของพวกเขา แต่ผมเป็นคนที่เชื่อในความหวัง และผมรู้ว่าทุกสิ่งที่เราเคยมอบให้แก่ทุกคนที่นี่นั้นจะกลับมาอีกครั้งเมื่อโลกกลับสู่สถานการณ์ปกติ”
แต่การที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเองก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป เพราะมันทำให้ชาวเมืองได้มีเวลากับตัวเองมากขึ้น
รวมถึงการใช้เวลาไปกับสิ่งที่พวกเขารักอย่างเกมฟุตบอล
ที่โรวาเนียมิในแลปแลนด์นั้น แม้จะถูกหิมะปกคลุมยาวนานถึง 200 วันต่อปี และอุณหภูมิบางทีก็ลงไปต่ำถึง -30 องศาเซลเซียส แต่มันไม่ใช่อุปสรรคอะไรสำหรับชาวเมืองแห่งนี้ที่จะลงฟาดแข้งกัน
“ส่วนใหญ่ในฟินแลนด์เราจะมีสนามกีฬาในร่มที่เราจะใช้เล่นได้ตลอดช่วงหน้าหนาว” เอเตไลเนนกล่าว “และเราก็มีประเพณีของการเล่นในสนามที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งด้วย เราทำรองเท้าที่มีพื้นเหมือนยางรถยนต์ที่ใช้ในช่วงฤดูหนาวเพื่อเล่นกัน”
ฟุตบอลในสนามน้ำแข็งนั้นเรียกกันว่า ‘Snow Football’ ซึ่งเล่นในสนามที่มีหิมะหนาทึบ แรกเริ่มเดิมทีก็เอาไว้เล่นกันขำๆ ในหมู่ชาวเมืองกันเอง แต่หลังๆ ก็กลายเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวอยากดูด้วย เพราะความแปลกและความฮาของการแข่งขันที่เหมือนการแข่งรักบี้มากกว่าแข่งฟุตบอล
และชาวเมืองแห่งนี้ยังมีสโมสรฟุตบอลเป็นของตัวเอง – สโมสรที่พวกเขาตั้งใจเพื่อจะสื่อถึงตัวตนของพวกเขาได้อย่างดีที่สุด และไม่มีชื่อไหนที่จะดีไปกว่า ‘เอฟซี ซานตาคลอส’
ทีมของลุงซานต้านี้เกิดขึ้นในปี 1992 จากการรวมกันของ 2 สโมสรสมัครเล่นในเมืองโรวาเนียมิ ใช้ชุดแข่งสีขาวและแดง โดยมี ‘คุณพ่อคริสต์มาส’ เป็นตราของสโมสร ซึ่งตราสโมสรรวมถึงชื่อนี้ชัดเจนว่าเป็นการสื่อถึงซานตาคลอส
“นี่คือสิ่งที่เป็นจุดสุดใจที่สุดในแถบนี้” เอเตไลเนน ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ชาวเมืองธรรมดาๆ แต่เป็นคนที่ทำหน้าที่หลายบทบาทในเมือง รวมถึงการเป็นประธานสโมสร เอฟซี ซานตาคลอสด้วย (เอ้า!) กล่าวไว้ แม้จะแอบยอมรับว่าสำหรับคนท้องถิ่นแล้วก็มีเบื่อบ้างเป็นธรรมดา
เพราะสำหรับชาวฟินแลนด์แล้ว ถ้าพูดถึง Father Christmas ตามโบราณนานมาเขาว่าจะหมายถึงสัตว์ในเทพนิยายที่เรียกว่า ‘Joulupukki’ (แปลแบบตรงตัวก็คือ ‘แกะคริสต์มาส’)
อย่างไรก็ดี หน้าที่ของซานตาคลอสที่ไม่มีใครบัญญัติไว้แต่ทุกคนรู้ดีคือ ‘การมอบความสุขให้แก่ผู้คน’ ซึ่งถ้าทีมฟุตบอลแห่งนี้สามารถนำความสุขมาสู่ทุกคนได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และมันก็ทำให้ทุกคนรักซานตาคลอสไปด้วย
แม้กระทั่งผู้จัดการทีมคนใหม่ของพวกเขาอย่าง ราล์ฟ วุนเดอร์ลิช กุนซืออิมพอร์ตจากเยอรมนีวัย 43 ปีก็มาเพราะสิ่งนี้
“ตอนที่ เอฟซี ซานตาคลอสติดต่อมา ผมไม่ต้องคิดอะไรมากเลย จะมีใครที่ไม่อยากทำงานกับสโมสรของซานตาคลอสบ้าง?” วุนเดอร์ลิชกล่าว
“ถ้าคุณชอบคริสต์มาสเหมือนผม สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดีมาก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่คือคริสต์มาส คุณจะได้สัมผัสกับความรู้สึกของความเป็นคริสต์มาสตลอดทั้งปี จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความรู้สึกในเชิงบวก”
วุนเดอร์ลิชยังแอบเผยความลับด้วยว่า “แน่นอนว่าซานตาไม่ได้คุมทีมอย่างเป็นทางการ แต่ในเบื้องหลังแล้วทุกคนรู้ดีว่าเขาบริหารสโมสรแห่งนี้อยู่”
แน่นอนว่าพวกเขาย่อมเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วโลกด้วยชื่อของสโมสร และมันก็ได้นำโอกาสดีๆ มากมายมาสู่พวกเขาด้วย เช่น การได้รับเชิญให้ไปทัวร์ที่จีนและสหรัฐอเมริกาเพื่อทำกิจกรรมการตลาด
นักเตะทีมซานต้าซึ่งประกอบไปด้วยคนที่ทำงานการกุศล นักเรียน หรือคนงานในเมืองทั่วไป ยังเคยได้เล่นกระชับมิตรร่วมกับสุดยอดนักเตะอย่าง อเลสซานโดร เดล ปิเอโร และ ไมเคิล โอเวน สองโกลเดนบอยของยุค 90’s ด้วย เรียกว่าได้บารมีลุงซานตาช่วยเอาไว้แท้ๆ
น่าเสียดายที่ในปีนี้ทุกอย่างถูกหยุดไว้ราวกับจุดเยือกแข็ง
โควิด-19 ทำให้ทุกอย่างสงบนิ่ง เอฟซี ซานตาคลอสจึงทำได้ดีที่สุดเพียงแค่อยู่นิ่งๆ และรอคอยโอกาสที่จะได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง
ถึงเป้าหมายใหญ่ที่สุดของพวกเขาที่จะไต่อันดับไปถึงลีกสูงสุดของประเทศจะเป็นเรื่องที่ไกลตัว เพราะพวกเขาไม่เคยอยู่สูงกว่าระดับดิวิชัน 3 และไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะตกไปอยู่ในระดับทีมนอกลีก ต้องไปเล่นในรายการระดับท้องถิ่นที่มีทีมทั้งหมด 8 ทีม
แต่สำหรับ เอฟซี ซานตาคลอส ความสำเร็จในเชิงของการเล่นในสนามไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดของพวกเขา
“เราเป็นสโมสรที่มีขึ้นเพื่อความสนุก และให้เด็กๆ ในท้องถิ่นได้เล่นกีฬาและสนุกไปกับมัน พวกเขาคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้”
ความหวัง ณ เข็มนาฬิกาเดินไป คือ ทีมจะกลับมารวมตัวกันได้อีกครั้งในเดือนหน้า
และต่อให้ความฝันที่จะไต่ขึ้นไปลีกสูงสุดจะเป็นเรื่องที่เหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แต่เพราะคำขวัญของสโมสรนั้นชัดเจน
‘Don’t Stop Believing’
เพราะซานตาคลอสอยู่ในใจของคนที่มีความเชื่อเสมอ และอย่างน้อยขอให้เชื่อเถิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เลวร้ายจะผ่านไป และเสียงเพลงจิงเกอร์เบลล์จะดังในใจของเราทุกคนอีกครั้งเมื่อถึงวันนั้น
เมอร์รีคริสต์มาส โฮ่ โฮ่ โฮ่ 🙂
ภาพ: FC Santa Claus /Facebook
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: