เกิดความไม่แน่นอนขึ้นในแพ็กเกจเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ของสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ไม่ลงนามรับรองร่างกฎหมายบรรเทาวิกฤตที่ต้องใช้งบประมาณเกือบ 9 แสนล้านดอลลาร์ดังกล่าว โดยทรัมป์ต้องการให้สมาชิกสภาคองเกรสแก้ไขวงเงินเช็กเงินสดที่จ่ายให้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จากเดิมคนละ 600 ดอลลาร์ เป็น 2,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 6 หมื่นบาท
ผู้นำสหรัฐฯ มองว่าแพ็กเกจเยียวยาที่ผลักดันโดยสมาชิกเดโมแครตและรีพับลิกันนั้น ‘เปล่าประโยชน์’ และต้องการให้เพิ่มวงเงินเช็กกระตุ้นเศรษฐกิจที่แจกให้ประชาชน ซึ่งท่าทีของทรัมป์ถูกนำไปตีความถึงความเป็นไปได้ที่เขาอาจใช้สิทธิ์ ‘วีโต้’
“ร่างกฎหมายที่พวกเขาเตรียมส่งกลับมาบนโต๊ะทำงานของผมแตกต่างจากที่คาดหวังไว้มาก มันเป็นเรื่องน่าอัปยศจริงๆ” ทรัมป์กล่าวในวิดีโอที่โพสต์ลง Twitter
นอกจากแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจสะดุดแล้ว รัฐบาลยังเสี่ยงเกิดภาวะชัตดาวน์บางส่วน อันเนื่องจากขาดแคลนงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐด้วย โดยแพ็กเกจเยียวยาดังกล่าวพ่วงอยู่กับร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลสำหรับปีงบประมาณ 2021 วงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ที่ยังต้องรอการอนุมัติเช่นกัน ขณะที่หน่วยงานรัฐบาลมีเงินใช้จ่ายชั่วคราวจนถึงวันที่ 28 ธันวาคมนี้เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่างลงมติผ่านร่างแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจในค่ำคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (21 ธันวาคม) โดยนอกจากเช็กเงินสดที่จ่ายให้ชาวอเมริกันเพียงครั้งเดียว คนละ 600 ดอลลาร์แล้ว ยังมีเงินช่วยเหลือคนตกงาน คนละ 300 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ โดยจะขยายเวลาโครงการช่วยเหลือเดิมไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า นอกจากนี้ยังมีงบประมาณ 3 แสนล้านดอลลาร์ สำหรับพยุงธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19, งบประมาณสำหรับการแจกจ่ายวัคซีนทั่วประเทศ และเงินสนับสนุนการดำเนินงานของโรงเรียนและมหาวิทยาลัย
ทรัมป์กล่าวว่า เขาต้องการให้สภาคองเกรสทบทวนและปรับแก้ร่างกฎหมาย โดยให้เพิ่มเช็กเงินสดสำหรับพลเมืองคนละ 2,000 ดอลลาร์ หรือ 4,000 ดอลลาร์สำหรับคู่สมรส จากเดิมที่ให้เพียง 600 ดอลลาร์ หรือประมาณ 18,000 บาท ซึ่งทรัมป์มองว่าน้อยเกินไป
ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวตำหนิงบประมาณในส่วนที่นำไปช่วยเหลือต่างประเทศ, งบประมาณสำหรับสถาบันสมิธโซเนียนและโครงการเพาะพันธุ์ปลา ซึ่งรวมอยู่ในร่างกฎหมายงบประมาณฉบับใหม่ของรัฐบาลด้วย
“ผมขอให้สภาคองเกรสตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นและเปล่าประโยชน์ทิ้งไปจากกฎหมายนี้ทันที และส่งร่างกฎหมายที่เหมาะสมมาให้ผม มิเช่นนั้นคณะบริหาร (รัฐบาล) ชุดใหม่จะต้องผลักดันแพ็กเกจบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ฉบับใหม่ หรือบางทีคณะบริหารชุดนั้นอาจเป็นผม” ทรัมป์กล่าวโดยยังอ้างว่าเขาชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ที่กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า ไม่ได้ใช้คำว่า ‘วีโต้’ ในถ้อยแถลงครั้งนี้
ทั้งนี้ ร่างแพ็กเกจดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภาด้วยคะแนนเสียงเกิน 2 ใน 3 ซึ่งตามกฎหมายแล้ว สามารถลบล้างคำสั่งวีโต้ของประธานาธิบดีได้
โดยในระหว่างนี้สมาชิกสภาคองเกรสสามารถพิจารณาปรับแก้ร่างกฎหมายได้ หากผู้นำในรัฐสภาต้องการเช่นนั้น หรือหากไม่แก้ไข ทางเลือกของทรัมป์ก็คือการลงนามรับรองเป็นกฎหมาย หรือใช้สิทธิ์วีโต้ หรือไม่ทำอะไรเลย และปล่อยให้ร่างกฎหมายมีผลบังคับใช้ตามขั้นตอน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: