×

โควิด-19 ระบาดรอบใหม่ กระทบต่อหุ้นไทยอย่างไรบ้าง?

21.12.2020
  • LOADING...
หุ้นไทย

จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งมีตลาดกุ้งในจังหวัดสมุทรสาครเป็นพื้นที่แพร่กระจายหลัก โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อ ณ วันที่ 20 ธันวาคม 2563 พุ่งไปกว่า 600 ราย และทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครต้องสั่งล็อกดาวน์จังหวัดตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2564

ความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงเปิดตลาดเช้าวันจันทร์ (21 ธันวาคม 2563) โดยดัชนี SET เปิดกระโดดลงทันที 52.88 จุด แตะระดับ 1,429.50 จุด ต่ำสุดในรอบ 9 วันทำการที่ผ่านมา

ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 1/64 อาจกลับมาหดตัว QoQ อีกครั้ง
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้ ไม่ได้ประเมินว่าจะกระทบกับดัชนีกี่จุด แต่ประเมินในเชิงพื้นฐานว่า ระดับที่ควรเข้าซื้อคือบริเวณ 1,380 จุด อย่างไรก็ตาม ดัชนียังปรับตัวลดลงไปไม่ถึงจุดนั้น

ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องติดตามคือ การล็อกดาวน์หลังจากนี้จะเข้มข้นมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งอาจจะทำให้มุมมองของนักลงทุนเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้ เดิมทีนักลงทุนคาดว่าเศรษฐกิจไทยซึ่งผ่านจุดต่ำสุดจะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นได้ต่อเนื่อง แต่เมื่อเกิดกรณีนี้ ทำให้การฟื้นตัวอาจจะไม่ได้ราบเรียบแบบที่ประเมินไว้ และอาจเห็นการอ่อนตัวลงในช่วงไตรมาส 1/64

“เป็นไปได้ว่าตัวเลข GDP ในไตรมาส 4 ปีนี้ จะยังฟื้นตัวได้จากไตรมาสก่อน แต่ช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า อาจจะเห็นตัวเลขกลับมาติดลบอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่นอกเหนือไปจากการคาดการณ์ของนักลงทุนก่อนหน้านี้”

นอกจากนี้ เงินบาทที่อ่อนค่ากลับมาแตะระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่ามากสุดในภูมิภาค อาจทำให้เห็นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติตามมาต่อเนื่อง

 

 

 

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมิน 3 ความเป็นไปได้ของผลกระทบต่อดัชนี SET

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า มองความเป็นไปได้การปรับฐานของตลาดหุ้นไทย 3 กรณี

กรณีแรก คือมีการล็อกดาวน์ในบางจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพฯ ทำให้ดัชนี SET น่าจะปรับฐานเล็กน้อย ประมาณ -5% โดยมองแนวรับที่จุดพักตัวก่อนหน้าบริเวณ 1,400-1,415 จุด หลังจากนั้นมีโอกาสที่ดัชนีจะแกว่งตัวออกข้างเพื่อรอความชัดเจน โดยสมมติฐานในกรณีนี้คือ การระบาดสามารถคุมได้เบื้องต้น ผู้ติดเชื้อเพิ่มรายวันเฉลี่ยต่ำกว่า 50 ราย และจำกัดแคบอยู่รายพื้นที่ รายจังหวัด ซึ่งสามารถติดตามได้

กรณีสอง คือกรณีล็อกดาวน์บางจังหวัด รวมถึงกรุงเทพฯ คาดดัชนี SET จะปรับฐานราว 10% คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของการฟื้นตัวก่อนหน้า ประเมินแนวรับบริเวณ 1,340-1,350 จุด ทั้งนี้ ดัชนี SET ที่ระดับ 1,350 จุด เป็นระดับที่เรามองว่าเป็นโอกาสในการทยอยเข้าลงทุนสำหรับนักลงทุน ซึ่งสมมติฐานในกรณีนี้คือ การระบาดเริ่มลุกลาม ผู้ติดเชื้อเพิ่มรายวันเฉลี่ย 50-100 ราย เริ่มกระจายวงกว้าง และติดตามได้ลำบากมากขึ้น

กรณีสาม คือล็อกดาวน์หลายจังหวัด รวมถึงกรุงเทพฯ ประเมินแนวรับที่จุดต่ำสุดของรอบก่อนหน้าบริเวณ 1,200-1,250 จุด จากสมมติฐานที่ว่า การระบาดเริ่มควบคุมได้ยาก ผู้ติดเชื้อเพิ่มรายวันเฉลี่ยมากกว่า 100 รายอย่างต่อเนื่อง และกระจายหลายจังหวัดต่อเนื่อง ขณะที่ระบบสาธารณสุขเริ่มเผชิญความเสี่ยงการรับมือในหลายพื้นที่

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับการระบาดรอบสองในประเทศอื่นๆ อย่าง มาเลเซีย (ต้นเดือนตุลาคม) และเกาหลีใต้ (ปลายเดือนตุลาคม) ตลาดหุ้นปรับตัวลงในช่วงสัปดาห์แรก แต่หลังจากมีข่าวความคืบหน้าวัคซีนช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ตลาดสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง เรามองกรณีตลาดหุ้นไทยจะมีทิศทางคล้าย 2 ประเทศนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดระลอกสองเกิดขึ้นในช่วงที่มีวัคซีนแล้ว ต่างกับเหตุการณ์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับขึ้นในระยะยาว

กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะถูกกดดันในระยะนี้
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า หากการแพร่ระบาดรอบนี้นำไปสู่การล็อกดาวน์กรุงเทพฯ เบื้องต้นคาดว่าดัชนี SET ในรอบนี้จะปรับฐานราว 4-7.5% ลงไปอยู่ในกรอบ 1,370-1,420 จุด โดยกลุ่มที่คาดว่าได้รับผลกระทบมากที่สุดเชิง Tactical คือ กลุ่มที่ได้รับผลลบเชิงปัจจัยพื้นฐานทั้งทางตรงและทางอ้อม พร้อมทั้งฟื้นตัวกลับมา (Rebound) มากที่สุด หลังพัฒนาการวัคซีนเชิงบวกตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คือหุ้นกลุ่มธนาคาร (+28%) หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (+25%) หุ้นกลุ่มโรงแรม (+23%) หุ้นกลุ่มบันเทิง (+21%) หุ้นกลุ่มขนส่ง (+13%) แนะนำระมัดระวังหุ้นกลุ่มนี้ซึ่งอยู่ใน SET100 และปรับตัวขึ้นมาแรงกว่าตลาดในช่วงดังกล่าว

ส่วนกลุ่มที่ได้ผลลบจากการแพร่ระบาดหนักในจังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ กลุ่มอาหาร กลุ่มค้าปลีกห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงต่อ Sentiment เชิงลบต่อการท่องเที่ยว บริการ และบริโภคช่วงปลายปี และอาจส่งผลให้ล็อกดาวน์กรุงเทพฯ ซึ่งจะกดดันหุ้นค้าปลีกและร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ ท่องเที่ยว ขนส่ง และธนาคาร

 

 

กลุ่มหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการระบาดรอบใหม่

จากการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์หลายแห่ง พบว่า กลุ่มหุ้นที่น่าจะได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ได้แก่ ธุรกิจถุงมือยาง ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ธุรกิจบริหารหนี้ ธุรกิจสื่อสาร ธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจประกัน

 

ภาพประกอบ: กรินวสุรัฐกร

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising