วันนี้ (17 ธันวาคม) เบื้องต้นมีรายงานพบผู้มีอาการแพ้รุนแรงรวมอย่างน้อย 3 รายในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร หลังได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 จาก Pfizer-BioNTech ที่เพิ่งจะได้รับอนุญาตให้ใช้เป็นวงกว้างได้เป็นกรณีฉุกเฉิน โดยผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงรายล่าสุดเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในรับอะแลสกาของสหรัฐฯ เบื้องต้นกำลังอยู่ในระหว่างเข้าพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งภายในรัฐ ซึ่งเขาไม่เคยมีประวัติการแพ้ยามาก่อน
ขณะที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหราชอาณาจักร 2 ราย ก็เคยแสดงอาการแพ้รุนแรงหลังได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 นี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ทั้ง 2 รายเคยมีประวัติการแพ้รุนแรงมาก่อน แต่อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่าง Medicines and Healthcare products Regulatory Agency (MHRA) จึงแนะให้ประชาชนที่เคยมีประวัติการแพ้ (Anaphylactic Reaction) อาหาร ยา รวมถึงวัคซีน เลี่ยงการรับวัคซีนต้านโควิด-19 ในช่วงเวลานี้ แม้อาการแพ้วัคซีนจะเกิดขึ้นไม่ค่อยบ่อยมากก็ตาม
เบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าผู้ที่มีอาการแพ้ทั้ง 3 รายเกิดอาการแพ้จากการได้รับวัคซีนหรือเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่น โดย Pfizer ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดของการเกิดอาการแพ้ทั้งหมด แต่ได้ประสานงานกับทีมเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแล้ว เพื่อสังเกตและตรวจสอบอาการแพ้ของผู้ที่มีรายงานความผิดปกตินี้
ทางด้าน ดร.วิลเลียม กรูเบอร์ รองประธานอาวุโส ทีมพัฒนาและทดสอบวัคซีนต้านโควิด-19 จาก Pfizer ระบุว่า ในการทดสอบวัคซีนในมนุษย์ราว 44,000 รายที่ผ่านมา เรายังไม่เคยพบอาการแพ้รุนแรงที่เกิดขึ้นจากการได้รับวัคซีนแต่อย่างใด ขณะที่ ดร.พอล ออฟฟิต ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาวัคซีนสำหรับเด็กในโรงพยาบาลฟิลาเดลเฟีย แสดงความกังวลว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจทำให้เชื่อว่า พลเมืองอเมริกันจำนวนมากที่มีอาการแพ้ไม่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จาก Pfizer ได้ในช่วงเวลานี้ ซึ่งมีจำนวนเป็นสิบๆ ล้านคน
ด้านองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) แนะให้ทาง Pfizer สรุปรายงานอาการแพ้รุนแรงที่เกิดขึ้นโดยเร็ว ตามระบบ Vaccine Adverse Event Reporting System ที่ได้ตกลงไว้ หากเกิดความผิดปกติใดๆ ขึ้นที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการได้รับวัคซีน รวมถึงจะทำงานร่วมกันกับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) อย่างใกล้ชิด เพื่อหาคำตอบในเรื่องนี้
ล่าสุด ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วกว่า 74 ล้านราย (74,140,841 ราย) รักษาหายกว่า 52 ล้านราย (52,354,506 ราย) หรือคิดเป็นราว 69% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เสียชีวิตแล้ว 1,647,108 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 2.3%
ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา (16,955,024 ราย) ตามมาด้วยอินเดีย (9,932,547 ราย) บราซิล (7,040,608 ราย) รัสเซีย (2,708,940 ราย) และฝรั่งเศส (2,465,126 ราย) พบผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 185 จาก 193 ประเทศทั่วโลก
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- ดู ‘ภาพรวมวัคซีนต้านโควิด-19 ปิดดีลสั่งจองไปเท่าไรแล้ว’ ได้ที่ https://thestandard.co/covid-19-vaccine-how-many-orders-have-you-closed/
- ดู‘วัคซีนต้านโควิด-19 ล็อตแรกของสหราชอาณาจักร ใครได้ฉีด ใครไม่ได้ฉีด’ ได้ที่ https://thestandard.co/covid-19-who-will-get-the-pfizer-vaccine-first/
- ดู‘8 ประเทศสุดท้ายที่ยังไม่พบผู้ติดโควิด-19 รายแรกอย่างเป็นทางการ’ ได้ที่ https://thestandard.co/the-last-8-countries-that-have-yet-to-find-covid-19-cases/
- ดู ‘ตารางเทียบข้อมูลเบื้องต้นวัคซีนต้านโควิด-19 4 รายใหญ่ที่เผยความคืบหน้าล่าสุด’ ได้ที่ https://thestandard.co/compare-the-preliminary-information-on-the-four-major-covid-19-vaccines/
ภาพ: Paula Bronstein / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: