วันนี้ (26 พฤศจิกายน) พล.ต.ต. จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวภายหลังร่วมประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดีที่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน กรณีเกิดเหตุยิงกันหลังเลิกการชุมนุมของกลุ่มราษฎรที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ โดยจุดเกิดเหตุคือบริเวณหน้าอเวนิว รัชโยธิน จนมีผู้บาดเจ็บ 2 รายคือ ประชากร ศักดิ์ศรีเท้า อายุ 20 ปี อดีตนักศึกษาอาชีวะ วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี และภาสพงศ์ กุลอมรกานต์ อายุ 25 ปี อดีตนักศึกษาอาชีวะ วิทยาลัยเทคโนโลยีมีนบุรีโปลีเทคนิค
จากการสืบสวนสอบสวนและการตรวจสอบวัตถุพยาน มีความชัดเจนที่จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับได้เบื้องต้น 1 คนคือ ภาสพงศ์ กุลอมรกานต์ ในข้อหาตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน และข้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการยิงปืน โดยพบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและพยานบุคคลที่เห็นชัดเจนตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ส่วนอาวุธปืนที่พบคือปืนชนิด .38 มม. อยู่ระหว่างตรวจสอบทะเบียนปืน เบื้องต้นมีทะเบียน แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบผู้ครอบครองและตรวจลายนิ้วมือและเขม่าดินปืน ซึ่งภาสพงศ์เป็นคนที่ถูกรุมทำร้าย เพราะมีการเข้าใจว่าเป็นผู้ก่อเหตุ และขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเซนหลุยส์
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพบว่ากลุ่มอาชีวะทั้งสองกลุ่มเป็นอดีตนักศึกษาของสองสถาบัน ซึ่งยอมรับว่ามาทำหน้าที่เป็นกลุ่มการ์ดของผู้ชุมนุมและมีการทะเลาะกันก่อนหน้านี้ อาจจะเป็นปัญหาเรื่องส่วนตัว จึงมีการปาระเบิดปิงปองก่อนและวิ่งหลบหนีจนมีอีกกลุ่มหนึ่งไล่ตาม และกลุ่มผู้ใช้อาวุธก็หันมายิงจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย
ส่วนสาเหตุที่นำไปสู่เหตุการณ์ยิงกันคาดว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าหลังจากยุติการชุมนุมไปแล้ว โดยสองกลุ่มก็ออกมาห่างจากพื้นที่ชุมนุมมาอยู่บริเวณอเวนิว รัชโยธิน ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดจะต้องสอบสวนอีกครั้ง
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันว่าไม่มีมือที่สามและไม่เกี่ยวกับการชุมนุม เพราะเสร็จสิ้นการชุมนุมไปแล้ว เป็นการทะเลาะกันด้วยเรื่องส่วนตัว ส่วนสาเหตุว่าจะทะเลาะกันเรื่องอะไรต้องสอบปากคำให้ชัดเจนอีกครั้ง” พล.ต.ต. จิรพัฒน์ กล่าว
พล.ต.ต. จิรพัฒน์ กล่าวต่อไปอีกว่าตอนนี้สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 3-4 ปาก ส่วนคนเจ็บทั้งสองคนที่โรงพยาบาล แพทย์ก็ยังไม่อนุญาตให้สอบปากคำ และวันนี้พนักงานสอบสวนจะไปสอบปากคำคนที่ถูกรุมทำร้าย ต้องรอผลการสอบปากคำว่าจะให้ปากคำอย่างไร
ส่วนผู้มาร่วมก่อเหตุที่ปรากฏในคลิปอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ทั้งนี้ไม่ได้กังวลใดๆ ในการดำเนินคดี เพราะตำรวจทำตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ
พล.ต.ต. จิรพัฒน์ ยังบอกอีกว่าหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเพิ่มความเข้มข้นในการดูแลประชาชนไม่ว่ากลุ่มใดก็ตาม ซึ่งผู้ชุมนุมจะต้องให้ความร่วมมือกับตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ในการไม่มีอาวุธ เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น และหากพบบุคคลต้องสงสัยหรือบุคคลต้องติดตามเฝ้าระวังก็จะต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อให้เป็นการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ
“คงไม่มีโอกาสได้คุยกับแกนนำ เพราะแกนนำมีข้อหาที่จะต้องดำเนินคดี ส่วนสถานการณ์ก็คงต้องติดตามวันต่อวัน โดยวันนี้ในเวลา 17.00 น. จะมีการแถลงข่าวเพื่อไล่ไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลอีกครั้ง” พล.ต.ต. จิรพัฒน์ กล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์