วันนี้ (23 พฤศจิกายน) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. รับทราบข้อสังเกตของกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ซึ่งเป็นความตกลงการค้าเสรีที่จะนำไปสู่โอกาสที่เพิ่มขึ้นทางการค้า การลงทุน และขีดความสามารถทางการแข่งขัน มีขอบเขตกว้างขวางครอบคลุมการเปิดตลาดการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน การเคลื่อนย้ายนักธุรกิจชั่วคราว การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการค้า ได้แก่ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ทรัพย์สินทางปัญญา รัฐวิสาหกิจ นโยบายการแข่งขันทางการค้า มาตรฐานแรงงาน สิ่งแวดล้อม รวมถึงกลไกแก้ไขข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลและนักลงทุนต่างชาติ เพื่อสร้างมาตรฐานและกฎระเบียบร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก
อนึ่ง เพื่อให้การตัดสินใจของรัฐบาลเป็นไปอย่างรอบคอบ ไม่เป็นที่กังวลจากภาคส่วนต่างๆ อีกทั้งเกิดประโยชน์ต่อประเทศอย่างแท้จริง กรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ศึกษาโอกาสและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และมีข้อเสนอแนะ 3 ประเด็น ดังนี้
ด้านการเกษตรและพันธุ์พืช
– ทำความเข้าใจให้เกษตรกรยอมรับการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา UPOV และเตรียมความพร้อมให้แก่เกษตรกร รวมทั้งการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 และจัดทำกฎหมายให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข
– ให้มีกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ที่ต้องการขอขึ้นทะเบียนยาที่มีส่วนประกอบของจุลชีพ หรือจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับจุลชีพ ต้องสำแดงแหล่งที่มาร่วมด้วยให้เร็วที่สุด
– ศึกษาและหรือวิจัยต่อยอดเพิ่มเติมในลักษณะบูรณาการ เช่น ผลกระทบด้านการขึ้นทะเบียนตำรับยา การเข้าถึงยาของประชาชน
– เร่งดำเนินการรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูลพันธุ์พืชสมุนไพรให้ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันโดยเร็วที่สุด
– ให้มีการจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและห้องปฏิบัติการในการตรวจสอบ จำแนกเครื่องมือแพทย์และเครื่องมือแพทย์มือสอง
ด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน
– ให้มีการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า
– ควรเจรจาเพื่อจัดทำภาคผนวกของข้อบทลงทุนที่ประเทศไทยมีสิทธิในการเจรจาข้อสงวน
– ให้กรมบัญชีกลางดำเนินการศึกษากฎหมาย กฎระเบียบ การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐที่ไม่สอดคล้องกับความตกลง CPTPP
รัชดากล่าวด้วยว่า ครม. ยังมอบหมายให้ ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รับข้อสังเกตของกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลัง, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงแรงงาน, กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยให้ส่งผลการพิจารณาให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วัน เพื่อเสนอ ครม. ต่อไป และขอย้ำว่า ในลำดับต่อไปจะเป็นการพิจารณาว่าจะไปเจรจาหรือไม่ บนเงื่อนไข/ข้อสงวนลักษณะใดต่อประเด็นอ่อนไหวที่จะเป็นการให้เวลาประเทศไทยดำเนินการในเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัว จึงยังมิใช่การลงนามในข้อตกลงฯ เพราะกว่าจะถึงตรงนั้นต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 178
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล