ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับเพิ่มขึ้นยกแผง รับอานิสงส์กรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถ ‘จ่ายเงินปันผล’ จากผลดำเนินงานงวดปี 2563 ได้แบบมีเงื่อนไขคือ 1. ให้จ่ายเงินปันผลได้ไม่เกินอัตราที่เคยจ่ายไว้ในปี 2562 และ 2. ให้จ่ายเงินปันผลได้ไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิงวดปี 2563
โดยหุ้นธนาคารพาณิชย์ที่ปรับขึ้นสูงสุด 3 อันดับแรกในการซื้อขายภาคเช้าที่ผ่านมา คือ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปรับเพิ่มขึ้น 5.54%, ธนาคารทหารไทย (TMB) เพิ่มขึ้น 4.08% และ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เพิ่มขึ้น 3.77%
สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทำให้นักลงทุนเกิดความคาดหวังในเรื่องของอัตราผลตอบแทน ซึ่งมองว่าหุ้นแบงก์ที่โดดเด่นในประเด็นดังกล่าวคือแบงก์ที่มีนโยบายปันผลที่น่าสนใจและจ่ายในอัตราสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าปัจจัยดังกล่าวเพิ่มความน่าสนใจให้หุ้นกลุ่มแบงก์ในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องติดตาม ประกอบด้วย เรื่องแนวโน้มผลประกอบการ NPL แนวโน้มการให้สินเชื่อและความสามารถติดตามหนี้ โดยเฉพาะจากลูกค้ากลุ่ม SMEs ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะสะท้อนไปสู่ผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ในที่สุด
“เรามีมุมมองเป็นกลางต่อหุ้นกลุ่มแบงก์ในรอบนี้ และประเมินว่ายังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องติดตามต่ออีกมาก ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่กำหนดว่าหุ้นแบงก์จะไปต่อหรือไม่”
ส่วนเรื่องปัจจัยด้านราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ ณ ระดับที่ซื้อขายอยู่ปัจจุบันก็ถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ก็ปรับเพิ่มขั้นรับข่าววัคซีนไปแล้ว ฉะนั้นคำแนะนำการลงทุนจึงเป็น Selective Buy
บทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า ระบุว่า มองประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มแบงก์ค่อนข้างมาก เนื่องจากปกติกลุ่มแบงก์เป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ แต่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ ธปท. มีความกังวลต่อคุณภาพสินทรัพย์และฐานเงินทุนของแบงก์ ทำให้ประกาศให้แบงก์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2563 ประกอบกับผลดำเนินงานของกลุ่มที่อ่อนตัวใน 2Q63 และ 3Q63 เนื่องจากหลายแบงก์มีการเร่งตั้งสำรองเพิ่มเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต ทำให้หุ้นแบงก์ Underperform ดัชนี SET อยู่มาก
จากการที่ ธปท. ออกประกาศดังกล่าว คาดว่าจะช่วยให้ตลาดกลับมามั่นใจในสภาพคล่องและเสถียรภาพของแบงก์ไทยมากขึ้น อีกทั้งด้วยราคาหุ้นในกลุ่มที่ปรับตัวลงมาแรง ทำให้กลุ่มแบงก์มี Div. Yield ในระดับที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ บล.หยวนต้า ได้ปรับประมาณการอัตราการจ่ายเงินปันผลและเงินปันผลจ่ายในปี 2563 ให้สอดคล้องกับประกาศฉบับใหม่ของ ธปท. พบว่า ภายใต้ข้อกำหนดในการจ่ายปันผลปี 2563 ของ ธปท. หุ้นที่คาดว่าโดดเด่นในแง่ของ Div. Yield ได้แก่ KKP 7.5%, SCB 5.5% และ TISCO 4.9%
จึงเพิ่มน้ำหนักลงทุนเป็น Overweight หลัง Overhang ถูกปลดล็อก และคาดกำไรกลุ่มจะเริ่มฟื้นตัว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า