ผลสรุปการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ออกมาชัดแล้วว่า โจ ไบเดน คือผู้ชนะการเลือกตั้ง และจะรับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คนที่ 46 เป็นที่แน่นอนแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีบางรัฐที่การนับผลโหวตก็ยังไม่เสร็จสิ้นก็ตาม โดยผลการเลือกตั้งที่ประกาศออกมานั้นได้นับรวมผลโหวต Electoral College ของรัฐเพนซิลเวเนียเข้าไปแล้ว ระหว่างที่ผลโหวตของรัฐแอริโซนานั้น ข้อมูลล่าสุดบางสำนักข่าวก็ได้นับรวมคะแนนให้ไบเดนเป็นผู้ชนะแล้วเช่นเดียวกัน
สำหรับการเลือกตั้งวุฒิสภา (Senate) ผลของผู้นำ Majority ของวุฒิสภาสหรัฐฯ จะได้รับข้อสรุปในเดือนมกราคม 2564 เนื่องจากยังคงต้องรอผลการเลือกตั้ง Runoff1 ของรัฐจอร์เจีย ซึ่งมีที่นั่งในสภา 2 ที่ โดยจะเกิดขึ้นในวันที่ 5 มกราคม 2564 และในการเลือกตั้งที่นั่งวุฒิสภาในจอร์เจียครั้งนี้จำเป็นต้องจัดการเลือกตั้ง Runoff ขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากตามกฎหมายของรัฐจอร์เจียนั้น ผู้ชนะการเลือกตั้งต้องได้ Majority Vote อย่างน้อย 50% ซึ่งในครั้งนี้ไม่มีแคนดิเดตคนใดได้รับโหวตถึง 50%
ปัจจุบันพรรครีพับลิกันมีเสียงส่วนใหญ่อยู่ในวุฒิสภาที่ 53 เสียง ระหว่างที่พรรคเดโมแครตมีเสียงอยู่เพียง 47 เสียง จากการเลือกตั้งในครั้งนี้พรรคเดโมแครตได้เสียงในสภาเพิ่มขึ้นมาเพียง 1 เสียงเท่านั้น ซึ่งหากพรรคเดโมแครตจะได้ Majority ในสภา พรรคต้องได้เสียงเพิ่มถึง 4 เสียง
อย่างไรก็ตาม หากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง Runoff ในจอร์เจียทั้ง 2 เสียง จะทำให้ทั้งสองพรรคมีเสียงในสภาเท่ากันที่ 50:50 ซึ่งในสถานการณ์นี้พรรคเดโมแครตจะมีอำนาจตัดสินใจในวุฒิสภา เนื่องจากในสภาที่เสียง 2 พรรคเท่ากัน และรองประธานาธิบดีในการเลือกตั้งนี้คือ คามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต จะมีอำนาจออกเสียงเป็นโหวตสุดท้ายเพื่อ Tie-Break ได้
ส่วนการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) ทาง CNN คาดการณ์ว่า พรรคเดโมแครตจะมีอำนาจคุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป แม้จำนวนเสียงส่วนมากจะมีจำนวนที่น้อยลง สำหรับผลกระทบต่อตลาดและความเสี่ยงที่ควรจับตามองหลังจากนี้มองว่า แม้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะได้รับข้อสรุปว่าเป็น โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตแล้วนั้น ในด้านนโยบายก็ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ เนื่องจากผลการเลือกตั้งของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์ผลที่มีความไปได้สูงเหลือเพียง 2 กรณี จึงสามารถสรุปนโยบายและทิศทางของทั้งสองกรณีได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
นอกจากนี้ยังคงมีประเด็นความเสี่ยงหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น โดยเฉพาะคดีทางกฎหมายจากทรัมป์ ที่เรียกร้องการนับคะแนนเสียงโหวตใหม่ และการฟ้องร้องบัตรลงคะแนนที่ขาดคุณสมบัติ (Disqualified Ballots) ในรัฐต่างๆ เช่น วิสคอนซิน, จอร์เจีย, นอร์ทแคโรไลนา และเพนซิลเวเนีย โดยในปัจจุบันรัฐที่จะมีการตกลง Recount เสียงโหวตแล้วคือ จอร์เจีย
สำหรับคำแนะนำการลงทุนมองว่า ตลาดการลงทุนที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์หลังจากการเลือกตั้งในครั้งนี้ ได้แก่ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, หุ้นสหรัฐฯ, หุ้นญี่ปุ่น, หุ้นเกาหลี, หุ้นเอเชีย, หุ้นจีน และตราสารหนี้ในกลุ่มที่เน้นการจ่ายรายได้ระหว่างทางสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
หมายเหตุ: 1 การเลือกตั้ง Runoff คือการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ที่ต้องจัดขึ้นอีกครั้งหากไม่มีแคนดิเดตคนใดได้รับ Majority Vote จากการเลือกตั้งในครั้งแรก โดยแคนดิเดต 2 คนที่มีผลโหวตมากที่สุดคือผู้ที่สามารถเข้าร่วมการเลือกตั้ง Runoff อีกครั้งได้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล