พรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ปตท. (PTT) รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ในไตรมาส 3 ปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 1.41 หมื่นล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.02 หมื่นล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิลดลง 6.13 พันล้านบาท คิดเป็นการลดลง 30.28%
ส่วนกำไรก่อนหักค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต้นทุนทางการเงินและภาษี (EBITDA) ในไตรมาส 3 ปี 2563 มีจำนวน 6.74 หมื่นล้านบาท ลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่มีผลดำเนินงานลดลงโดยหลักจากธุรกิจโรงแยกก๊าซ เนื่องจากปริมาณขายที่ลดลงจากผลกระทบโควิด-19 และการปิดซ่อมบำรุงตามแผนในไตรมาส 3 ปี 2563 ขณะที่ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงในไตรมาส 3 ปี 2562 และราคาขายที่ลดลงตามราคาปิโตรเคมีอ้างอิงในตลาดโลกที่ลดลง และธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซฯ เนื่องจากปริมาณขายและราคาขายอ้างอิงราคาน้ำมันเตาเฉลี่ยลดลง
รวมถึงธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่มีผลการดำเนินงานลดลงจากราคาขายที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ และปริมาณขายที่ปรับตัวลดลง แม้ในไตรมาสนี้จะมีปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มพาร์เท็กซ์ (Partex) ซึ่งรับรู้ผลการดําเนินงานจากการเข้าซื้อธุรกิจตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2562
อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมี EBITDA เพิ่มขึ้นจาก กําไรสต็อกน้ำมันในไตรมาส 3 ปี 2563 แม้ว่า Market GRM ปรับลดลงจาก 3.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในไตรมาส 3 ปี 2562 เป็น -0.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในไตรมาส 3 ปี 2563 ตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกับน้ำมันดิบที่ลดลง
อีกทั้งส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์สายอะโรเมติกส์ปรับตัวลดลง ในขณะที่ส่วนต่างราคาของสายโอเลฟินส์ปรับเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ผลการดําเนินงานของกลุ่มธุรกิจน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นจากกําไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากกําไรสต็อกน้ำมัน ขณะที่ปริมาณขายลดลงเล็กน้อย ส่งผลให้ ปตท. และบริษัทย่อยในไตรมาส 3 ปี 2563 มีกําไรสุทธิลดลงจํานวน 6,135 ล้านบาท หรือร้อยละ 30.3 ตาม EBITDA ที่ลดลงและขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินกู้สกุลต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นตามค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ
ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าในไตรมาส 3 ปี 2562 ประกอบกับเงินกู้ยืมสกุลต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าภาษีเงินได้ลดลงตามผลการดําเนินงานที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3 ปี 2563 มีการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์จํานวน 1,397 ล้านบาทโดยหลักจากธุรกิจถ่านหินตามราคาถ่านหินที่ลดลง ขณะที่ในไตรมาส 3 ปี 2562 มีการรับรู้ค่าชดเชยพนักงานเพิ่มเติมตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ของ ปตท. จํานวน 1,069 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า