เผยความเจ๋ง OMEGA Seamaster ทำไมถึงเป็นนาฬิกาของยอดจารชน [Advertorial]

แผ่นดิน ท้องฟ้า และมหาสมุทร คือบริบทที่ถูกถ่ายทอดผ่านเรือนเวลาหรูหราระดับโลกสัญชาติสวิส แบรนด์ OMEGA เสมือนกำลังบอกความหมายว่า ไม่ว่าจะเป็นแห่งหนใดของโลกใบนี้ เวลาอันมีค่าจะประทับอยู่กับคุณ สมกับสโลแกน Exact Time for Life ที่ยึดถือมากว่า 170 ปี ซึ่งเมื่อนึกถึง OMEGA ก็จะต้องนึกถึง 2 รุ่นในตำนาน อย่าง SPEEDMASTER ที่เคยอยู่เคียงข้างนักบินอวกาศผู้ไปเยือนดวงจันทร์ เคยเป็นคู่หูนักผจญภัยในภารกิจจากขั้วโลกเหนือสู่ขั้วโลกใต้ และยังได้พิชิตทวีปแอนตาร์กติกาอันแสนเย็นยะเยือก ส่วนอีกรุ่นที่จะเป็นพระเอกของบทความนี้คือ Seamaster นาฬิกาประจำกายของเหล่านาวิกโยธินอังกฤษ ที่ในปัจจุบันสร้างการจดจำในฐานะตัวแทนของจอมจารชน 007 หลายต่อหลายภาคมาตั้งแต่ปี 1995

Seamaster คือหนึ่งในความภูมิใจของ OMEGA นับตั้งแต่วาระที่เรือนเวลาเจ้าสมุทรถือกำเนิดขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ โดยมาพร้อมกับความสามารถสุดท้าทายคือ ทนทานแม้อยู่ใต้ผิวน้ำ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่างยิ่งในยุคนั้น สร้างชื่อให้ OMEGA เป็นนาฬิกาแบรนด์แรกที่เกิดมาเพื่อการดำน้ำอย่างแท้จริง ด้วยศักยภาพที่ติดตัวมากับจักรกลเวลารุ่นนี้ ทำให้ Seamaster ได้รับสมญานามว่าเป็น Professional Diving หรือมืออาชีพแห่งการดิ่งมหาสมุทร เป็นไอเท็มยอดปรารถนาของนักดำน้ำและผู้ที่ชื่นชอบกีฬาทางน้ำ รวมถึงเป็นนาฬิกาที่กองทัพเรือแห่งสหราชอาณาจักรรับรองให้เป็นเรือนเวลาสำหรับนาวิกโยธินอย่างเป็นทางการ โด่งดังเป็นอย่างยิ่งในภารกิจ Precontinent II ณ ทะเลแดง จากนั้นมา Seamaster ก็ยังคงยืนหยัดทำหน้าที่หยิบยื่นเวลาที่เที่ยงตรงแม้ใต้ผิวน้ำให้แก่มนุษย์จวบจนทุกวันนี้

จึงนับเป็นหนึ่งในคอลเล็กชันเก่าแก่ที่สุดที่แบรนด์ยังคงปล่อยออกมา พร้อมกับอีกหนึ่งหน้าที่ที่ติดสอยห้อยตามมาด้วยคือ การเป็นนาฬิกาคู่กายของคาแรกเตอร์อมตะแห่งจักรวาลจอเงิน เจมส์ บอนด์ หรือสายลับ 007 อดีตราชนาวีที่ผันตัวมาเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง ตัวละครจากวรรณกรรมสุดคลาสสิกของ เอียน เฟลมมิง นักเขียนผู้มีอดีตผูกพันกับฝ่ายข่าวกรองของกองทัพเรือเช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่ทำไม Seamaster จึงเป็นดังตัวแทนของจารชนสายทหารผู้โด่งดัง และอยู่ในตัวตนของเขาราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน

OMEGA Seamaster ปรากฏโฉมบนข้อมือของสายลับ 007 เป็นครั้งแรกในภารกิจ GoldenEye ซึ่งสวมบทบาทโดย เพียร์ซ บอสแนน นับจากนั้น Seamaster ก็กลายมาเป็นดังตัวแทนของบอนด์ไปโดยปริยาย ทั้งใน Tomorrow Never Dies, The World is Not Enough, Die Another Day ส่งต่อมาสู่ แดเนียล เคร็ก ใน Casino Royale, Quantum of Solace, Skyfall, Spectre รวมถึง No Time to Die ที่กำลังจะลงจอในช่วงปลายปี 2020 ที่จะถึงนี้ด้วย

Seamaster แต่ละรุ่นที่ถูกสวมใส่โดยจารชน 007 มีรายละเอียดมากกว่าแค่เรือนเวลาประดับกาย หากแต่เป็นเหมือนอาวุธคู่กายที่ เจมส์ บอนด์ จะขาดไปไม่ได้ เริ่มตั้งแต่

OMEGA Seamaster Quartz Professional Diver 300M ใน GoldenEye (1995) ที่มีส่วนช่วยชีวิตสายลับอังกฤษให้รอดพ้นวิกฤตจากเหล่าร้าย โดยใช้เลเซอร์ที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเรือนนาฬิกาในการยิงตัดแผ่นเหล็ก เปิดช่องให้เขาหลบหนีออกไปได้แบบหวุดหวิด

OMEGA Seamaster Professional Diver 300M ใน Tomorrow Never Dies (1997) โครโนมิเตอร์รุ่นกลไกอัตโนมัติที่ร่วมภารกิจกับบอนด์ในฐานะเครื่องจุดระเบิดระยะไกลแบบถอดได้ สานต่อให้งานสำคัญของจอมสายลับสำเร็จลุล่วง

OMEGA Seamaster Professional Diver 300M ใน The World is Not Enough (1999) มาช่วยเรียกสติให้กับยอดจารชน ท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุม อย่างน้อยยังมีแสงไฟ LED จากนาฬิกาเรือนนี้ช่วยประคองสติให้เขา

OMEGA Seamaster Professional Diver 300M ใน Die Another Day (2002) ถูกเติมแต่งเขี้ยวเล็บเพื่อให้เป็นอีกหนึ่งอาวุธคู่กายสายลับระดับพระกาฬ

OMEGA Seamaster Diver 300M ใน Casino Royale (2006) ได้รับการยกระดับดีไซน์ให้หรูวิจิตร สมกับการที่ 007 ต้องใส่ในฉากสำคัญคือ การพบกันระหว่าง เจมส์ บอนด์ กับ เวสเปอร์ ลินด์ บนรถไฟ ซึ่งได้กลายเป็นฉากจำในเวลาต่อมา

OMEGA Seamaster Planet Ocean 600M ใน Quantum of Solace (2008) นาฬิกาเรือนนี้ปรากฏตอนที่บอนด์อยู่ในรถ Aston Martin ระหว่างการไล่ล่าสุดระห่ำ โดยได้มีการปรับดีไซน์จากเรือนก่อนให้ดูโฉบเฉี่ยวกว่าเดิมเล็กน้อย

OMEGA Seamaster Planet Ocean 600M ใน Skyfall (2012) ตอกย้ำภาพบัดดี้ของสายลับอยู่ในหลายฉากที่ล้วนเป็นฉากจำ เช่น ฉากการขับมอเตอร์ไซค์ไล่ล่าบนถนนเมืองอิสตันบูล เป็นต้น

OMEGA Seamaster 300 ใน Spectre (2015) การปรากฏของนาฬิการุ่นคลาสสิกประจำตัวบอนด์รอบนี้มาพร้อมกับภารกิจจุดระเบิด ช่วยชีวิตสายลับจากสถานการณ์อันยากลำบากได้ อีกทั้ง OMEGA Seamaster 300 Spectre ยังมีความพิเศษคือ เป็นครั้งแรกที่ OMEGA สร้างสรรค์นาฬิกาขึ้นมาเพื่อสายลับอังกฤษผู้นี้โดยเฉพาะ

มาถึง OMEGA Seamaster Diver 300M 007 Edition ที่กำลังจะเผยโฉมคู่กับ เจมส์ บอนด์ ในภาพยนตร์ลำดับที่ 25 No Time to Die (2020) รอบนี้สะท้อนถึงความผูกพันระหว่างบอนด์กับ OMEGA ที่มีมาอย่างเหนียวแน่น โดย แดเนียล เคร็ก ผู้รับบทจารชน ได้ทำงานร่วมกับ OMEGA อย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสรรค์ให้นาฬิกาเรือนนี้เป็นหนึ่งเดียวกับ เจมส์ บอนด์ ให้มากที่สุด โดยเขาได้ให้ความเห็นว่า

“เมื่อผมทำงานร่วมกับ OMEGA ผมลงความเห็นว่า นาฬิกาน้ำหนักเบาเป็นหัวใจหลักสำหรับสายลับทหารอย่าง 007 แถมยังบอกอีกด้วยว่า ให้เพิ่มกลิ่นอายและสีแบบวินเทจบางจุด ซึ่งจะทำให้เรือนเวลามีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ผมคิดว่านาฬิกาที่ออกมาจะดูดีเหลือร้าย และเข้ากันได้อย่างลงตัวกับเจมส์ นาฬิกาที่ออกมานั้นดูดีเหลือร้ายทีเดียวเชียว”

นั่นจึงส่งผลให้ OMEGA รุ่นนี้ได้รับการทอนน้ำหนักลงอย่างมีนัยสำคัญ เป็นนาฬิกาขนาด 42 มม. เสริมความเป็นอมตะด้วยหน้าปัดอะลูมิเนียมสีทรอปิคัล ผลิตจากวัสดุที่เบาแต่แข็งแกร่ง อย่างไทเทเนียมเกรด 2 ซึ่งเหมาะกับภารกิจของจารชนที่ต้องลอบเร้น มีรหัสสลักหลังที่บ่งบอกถึงความเกี่ยวพันกับ เจมส์ บอนด์ อย่างชุดตัวเลขตามฉบับนาฬิกาที่ผลิตขึ้นสำหรับใช้งานในกองทัพ ‘0552’ คือเลขรหัสที่กำหนดไว้สำหรับกองทัพเรือ ส่วน ‘923 7697’ คือเลขสำหรับนาฬิกาดำน้ำ ตัวอักษร ‘A’ แสดงถึงนาฬิกาที่ใช้เม็ดมะยมแบบขันเกลียว ส่วนเลข ‘007’ นั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือ รหัสประจำตัวสุดไอคอนิกของสายลับ เจมส์ บอนด์ และสุดท้ายคือ ‘62’ ที่มาจากปีที่ภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ ภาคแรกเข้าฉาย เข้ากับกระจกแซฟไฟร์ทรงโดมที่ช่วยเสริมให้ Seamaster Diver 300 รุ่นมาตรฐานดูหล่อล้ำนำสมัยขึ้น

ภายในเครื่องบอกเวลาขับเคลื่อนด้วยกลไกชั้นนำ OMEGA Co-Axial Master Chronometer Calibre 8806 ที่ได้รับการรับรองด้วยมาตรฐานขั้นสูงสุดของอุตสาหกรรมเวลา ทั้งด้านความเที่ยงตรง สมรรถนะ และคุณสมบัติการต้านทานสนามแม่เหล็ก

สำหรับแฟนพันธุ์แท้ของ เจมส์ บอนด์ ที่หมายจะได้ครอบครองนาฬิการุ่นล่าสุดที่อยู่บนข้อมือของเขา สามารถเป็นเจ้าของ OMEGA Seamaster Diver 300M 007 Edition ได้แล้ววันนี้ที่บูติกของ OMEGA

และเพื่อปลุกความเป็นสายลับในตัวคุณ แนะนำให้ใส่ตอนชมภาพยนตร์ No Time to Die ไปด้วยเลย แล้วคุณจะรู้สึกได้ว่า OMEGA ไม่ใช่แค่เครื่องบอกเวลา แต่เป็นดังขุมพลังที่จะบอกว่า เวลาอันมีค่าและเที่ยงตรงคืออาวุธสำคัญที่จะอยู่กับชีวิตของคุณ

อ้างอิง: