วันเวลาอาจจะผ่านมานานถึงเกือบ 4 ปีแล้ว แต่เรื่องราวที่แสนเจ็บปวดของทีมชาเปโคเอนเซ (Chapecoense) สโมสรฟุตบอลในบราซิลยังคงอยู่ในความคำนึงของแฟนฟุตบอลทั่วโลก
ใครจะกล้าลืมเรื่องของทีมฟุตบอลเล็กๆ ที่แบกความหวังและความฝันที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ กับโอกาสในการลุ้นแชมป์รายการโคปา ซูดาเมริกานา (Copa Sudamericana) รายการชิงแชมป์ระดับทวีปของอเมริกาใต้ ซึ่งเตรียมจะพบกับแอตเลติโก นาซิอองนาล ทีมดังของโคลอมเบีย แต่ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ทุกสิ่งดีๆ ที่สร้างมาสลายกลายเป็นเถ้าธุลี
ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2016 เครื่องบิน LaMia เที่ยวบิน 2933 ตกลงในหุบเขาที่ไม่ไกลจากจุดหมายปลายทางนัก
71 จาก 77 ชีวิตจากไปในทันที โดยในจำนวนนั้น 19 คนคือนักฟุตบอลของชาเปโคเอนเซ โดยมีเพียงแค่ 3 คนในทีมที่รอดชีวิต
หนึ่งคือ แจ็คสัน โฟลมันน์ ผู้รักษาประตูสำรองที่หมดอนาคตทันทีในการเล่นเพราะขาขาด เหลือเพียงแค่ เนโต และ อลัน รัสเซล ที่ยังพอเล่นฟุตบอลไหว
ขณะที่ ดานิโล นายทวารผู้เป็นสัญลักษณ์ของสโมสรซึ่งยังมีลมหายใจหลังเครื่องบินตก และเป็นคนโทรแจ้งภรรยาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น สุดท้ายมัจจุราชใช้คมเคียวปลิดลมหายใจของเขาไป
คืนวันที่แสนมืดมน ภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเหล่าคนที่จากไปยังติดอยู่ในความรู้สึกของทุกคนที่เกี่ยวข้องไม่เฉพาะกับผู้เล่นในทีม โดยเฉพาะ ชิควินโญ เจ้าหน้าที่สนามที่สนิทสนมกับผู้เล่นทุกคน
ในพิธีรำลึกในสนามอารีนา คอนดา ชิควินโญกลัวว่าฝนที่ตกลงมาจะทำให้พื้นสนามเปียกลื่นและอาจทำให้ทหารกล้าที่ทำหน้าที่เชิญโลงศพมาอาจลื่นและทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิด เมื่อคิดเช่นนั้นจึงพยายามแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการพยายามหาทางทำให้สนามแห้งที่สุด แม้ว่าตัวของเขาจะเปียกปอนแค่ไหนก็ตาม
เขายังเป็นคนที่พยายามประดับตกแต่งสถานที่และโลงศพด้วยดอกไม้นานาแม้ว่าจะไม่มีความรู้ใดๆ อะไรมากมายในเรื่องของการจัดดอกไม้หรือการทำพิธีรีตรอง แต่อยากทำให้ทุกโลงได้มีดอกไม้สวยๆ ในการบอกลาและให้เกียรติผู้จากไปเป็นครั้งสุดท้าย
ท่ามกลางสายตาของผู้คนอีกหลายพันที่อยู่ในสนามที่รู้สึกหัวใจถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ไม่ต่างกัน
บรรยากาศในการทำพิธีรำลึกผู้จากไปที่สนามคอนดา อารีนา ในวันที่ 3 ธันวาคม
เรื่องราวของชาเปโคเอนเซจึงเป็นโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดเรื่องหนึ่งของโลกฟุตบอล เพียงแต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของนิยายลูกหนังที่น่าเหลือเชื่อ
หลังเหตุการณ์ผ่านมา 3 ปี คราบน้ำตาเหลือไม่มากแล้ว แต่พวกเขาต้องเจ็บปวดอีกครั้งเมื่อทีมพ่ายแพ้ต่อโบตาโฟโกคาบ้านของตัวเอง และเป็นการยืนยันว่าชาเปโคเอนเซ ทีมเล็กๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของความหวังต้องกระเด็นตกชั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี
มาร์ควินญอส โค้ชของทีมกล่าวขอโทษต่อแฟนในวันนั้นว่า “ผมต้องขอโทษแฟนๆ ทุกคนด้วย”
อย่างไรก็ดี เขาเชื่อว่านี่จะไม่ใช่จุดจบของชาเปโคเอนเซ “ทุกคนที่นี่ล้วนเป็นมืออาชีพชั้นยอด มันจะเป็นการสร้างชาเปโคเอนเซที่แท้จริงขึ้นมาใหม่อีกครั้ง นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึก”
สิ่งที่มาร์ควินญอสกล่าวเป็นเรื่องจริงที่ยากจะปฏิเสธ เพราะหลังเหตุโศกนาฏกรรม หลายฝ่ายได้ยื่นมือเพื่อช่วยเหลือ ‘ชาเป’ ด้วยความเต็มใจ
CONMEBOL สหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติอเมริกาใต้ ประกาศให้พวกเขาเป็นแชมป์รายการโคปา ซูดาเมริกานาในปีดังกล่าว โดยได้รับการเห็นชอบจากแอตเลติโก นาซิอองนาล คู่แข่งของพวกเขาที่ยินดีให้โลกนี้ได้จดจำผู้จากไปอย่างผู้ชนะ
บาร์เซโลนา สโมสรดังในระดับโลก ยื่นมือช่วยพวกเขาด้วยการจัดการแข่งขันรายการโจน กัมเปร์ โทรฟี เพื่อให้ชาเปได้มีทุนรอนสำหรับการสร้างทีมใหม่
ขณะที่หลายสโมสรในลีกฟุตบอลบราซิลหยิบยื่นไมตรีให้ด้วยการให้ชาเปยืมผู้เล่นไปใช้งานในระหว่างที่พวกเขาไม่มีผู้เล่นในทีมอีกเลย
ในปี 2016 พวกเขาจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 11 จากนั้นทำผลงานได้ดีขึ้นในปีถัดมาด้วยการอยู่ในอันดับที่ 8 และคว้าแชมป์ในระดับรัฐได้ ก่อนอันดับจะเริ่มตกลงในปี 2018 โดยลงมาอยู่ถึงที่ 14
ก่อนที่จะตกลงไปอยู่ในอันดับที่ 19 ในปีที่ผ่านมา และนั่นหมายถึงการตกชั้นไปอยู่ในระดับ Serie B
เพียงแต่แทนที่จะยอมแพ้ให้กับโชคชะตา สิ่งที่เหล่านักเตะชาเปร่วมแรงร่วมใจกันทำคือการพยายามก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นปีที่แสนยากลำบากเพราะมีโรคระบาดอย่างโควิด-19 ซึ่งบราซิลเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการระบาดสูงสุด
ล่าสุดพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ระดับรัฐ Campeonato Catarinense มาครองได้สำเร็จ
โดยผู้ที่ชูถ้วยแชมป์คือ อลัน รัสเซล กัปตันทีมซึ่งเป็นนักเตะหนึ่งเดียวที่เหลือรอดจากวันนั้นที่สามารถเล่นฟุตบอลได้อยู่
ขณะที่ เนโต ได้กลายมาเป็นโค้ชของทีมชุดนี้แทนที่มาร์ควินญอสโค้ชเก่า
นี่คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา และอาจเปรียบได้กับการคืนชีพอีกครั้งของนกฟีนิกซ์ ที่หลังจากจบชีวิตลงก็จะฟื้นคืนชีพกลับมาจากการเป็นเถ้าถ่าน
วันเวลาแห่งความเศร้าโศกผ่านมานานแล้ว แม้จะไม่ลืมและไม่มีวันลืม แต่ชาเปโคเอนเซพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: