วันนี้ (14 กันยายน) สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศแถบยุโรปกำลังน่าเป็นกังวลอีกครั้ง หลังเผชิญการระบาดระลอกใหม่ จนเป็นเหตุให้หลายรัฐบาลปรับมาตรการรับมือโควิด-19 ใหม่อีกครั้ง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดภายในประเทศ
โดยยอดผู้ติดโควิด-19 รายใหม่ในสหราชาณาจักรเพิ่มสูงกว่า 3 พันราย ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ซึ่งราว 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อเป็นผู้สูงอายุในบ้านพักผู้สูงอายุ ทางการได้ประกาศล็อกดาวน์บางพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงแล้ว โดยแนะให้เว้นระยะห่างทางสังคมและห้ามรวมตัวกันในพื้นที่สาธารณะเกิน 6 คน
ทางด้านนายกรัฐมนตรีเซบาสเตียน คูร์ซ ของออสเตรียระบุ ประเทศกำลังเริ่มเผชิญหน้ากับการระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง มีผู้ติดเชื้อเพิ่มราว 1 พันรายต่อวัน โดยทางการได้ประกาศห้ามจัดอีเวนต์ และขยายพื้นที่บังคับสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าและอาคารสาธารณะต่างๆ ทั้งยังเห็นการระบาดระลอกใหม่ในฝรั่งเศส เบลเยียม รวมถึงซานมารีโน ทางการแต่ละประเทศเตรียมประกาศใช้มาตรการคุมเข้มอีกครั้ง
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านมานานกว่า 8 เดือนแล้ว ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสมเกิน 29 ล้านรายแล้ว (29,175,454 ราย) รักษาหายกว่า 21 ล้านราย (21,018,175 ราย) หรือคิดเป็นกว่า 2 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เสียชีวิตแล้ว 927,984 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 3.2% โดยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเกินวันละ 1 แสนราย ติดต่อกันนานถึง 110 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา
สหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่พบผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดในโลก (6,708,458 ราย) ขณะที่อินเดียรั้งอันดับ 2 (4,845,003 ราย) มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 93,215 ราย ตามมาด้วยบราซิล (4,330,455 ราย) รัสเซีย (1,062,811 ราย) และเปรู (729,619 ราย) พบผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 181 จาก 193 ประเทศทั่วโลก มีเพียงมาเก๊า เกรนาดา เซนต์คิดส์และเนวิส และนครรัฐวาติกันเท่านั้นที่ผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมดหายดีแล้วและยังไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มเติม
