สืบเนื่องจากกระแสข่าวลือที่มีการรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังพ้นช่วงเข้าพักที่สถานที่กักกันของรัฐบาลจนครบ 14 วันไปแล้ว และกลับมามีอาการอีกครั้งภายหลังกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ
ล่าสุด (19 สิงหาคม) เวลา 19.20 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. และ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวถึงประเด็นที่เกิดขึ้น โดยการเปิดเผยรายละเอียดผู้เข้าข่าย 2 ราย มีดังนี้
รายที่ 1 เป็นหญิงไทย อายุ 34 ปี เคยทำงานที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เดินทางกลับประเทศไทยวันที่ 2 มิถุนายน แต่ไม่มีอาการ และเข้ารับการกักตัว 14 วันแล้ว และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 วันที่ 5 มิถุนายน (ผลตรวจครั้งแรกใช้คำว่าผลกำกวม) ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 12 มิถุนายน ผลไม่พบเชื้อ หลังจากนั้นจึงอนุญาตให้กลับไปพักที่บ้านต่อได้
ต่อมา วันที่ 17 สิงหาคม ได้เตรียมตัวไปต่างประเทศ จึงเข้ารับการตรวจโควิด-19 ที่โรงพยาบาลรามาฯ และปรากฏว่าพบเชื้อเล็กน้อย (ทาง สธ. เรียกว่า เป็นการพบเชื้อแบบกำกวม) และเชื้อที่ตรวจพบเป็นการพบซากเชื้อ ที่ไม่มีทางไปแพร่เชื้อได้
รายที่ 2 เป็นหญิงไทย อายุ 35 ปี เคยทำงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เดินทางกลับประเทศไทย วันที่ 24 มิถุนายน เข้ากักตัว 14 วัน และตรวจเชื้อ 2 ครั้งไม่พบเชื้อ จึงอนุญาตให้กลับจังหวัดเลย
ต่อมา วันที่ 16 สิงหาคม เดินทางเข้า กทม. เพื่อเตรียมตัวไปทำงานที่ต่างประเทศ และวันที่ 18 สิงหาคม เข้ารับการตรวจสุขภาพ และเป็นการพบปริมาณเชื้อเล็กน้อย (เหมือนรายแรก) แต่ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลรามาฯ เพื่อสอบสวนโรคเพิ่มเติม
ทั้งนี้ การคาดการณ์จากข้อมูลกระบาดวิทยา เคสที่เกิดขึ้น โอกาสการติดเชื้อในประเทศยังมีน้อยมาก แต่ยังคงเร่งติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับทั้ง 2 ราย เพื่อเฝ้าระวังโรคอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การพบซากเชื้อในผู้ติดเชื้อเดิมไม่ใช่เรื่องใหม่ ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งในประเทศไทยก็เคยมีมาก่อนแล้ว และจากผลวิจัยผู้ป่วยโควิด-19 มีโอกาสตรวจพบซากเชื้อได้นานถึง 3 เดือน แต่จะไม่มีศักยภาพแพร่เชื้อต่อได้