เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นวันเส้นตายที่ทีม ‘เสือเหลือง’ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แจ้งต่อทางด้าน ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไว้ว่า หากต้องการจะได้ตัว จาดอน ซานโช ไปร่วมทีมจริง ก็ขอให้จัดแจงมาสู่ขอให้ถูกต้องเรียบร้อย
เพียงแต่ปัญหาคือ ทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่สามารถจะทำใจเพื่อจ่ายเงินสินสอดที่ดอร์ทมุนด์เรียกร้องไว้ที่ 120 ล้านยูโรได้ สุดท้ายจึงนำไปสู่การที่ มิชาเอล ซอร์ค ผู้อำนวยการสโมสรของทีมดังบุนเดสลีกา ได้ออกมาประกาศอย่างชัดเจนออกสื่อว่า สตาร์วัย 20 ปีจะไม่จากทีมไปไหน
“เราวางแผนโดยมี จาดอน ซานโช อยู่ในทีมของเราในฤดูกาลนี้ การตัดสินใจนี้ถือเป็นที่สิ้นสุด ผมคิดว่ามันได้ตอบคำถามของเราทุกข้อแล้ว” ซอร์คกล่าวในวันเดียวกับที่มีภาพของซานโชได้กลับมารายงานตัวฝึกซ้อมกับต้นสังกัดในการเข้าแคมป์ตามปกติ
พร้อมกับการที่มีการเปิดเผยว่า เมื่อฤดูกาลที่แล้วดอร์ทมุนด์กับซานโชได้มีการตกลงปรับสัญญาใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับผลงาน และทำให้ดาวเตะรายนี้ยังมีสัญญากับทีมอีกจนถึงปี 2023 ในความหมายคือ สโมสรไม่มีความจำเป็นจะต้องรีบปล่อยตัวออกไปในเวลานี้
อย่างไรก็ดี มันคือฉากจบของเรื่องนี้จริงหรือ?
🎙️ Michael Zorc presser:
“We plan on having Jadon Sancho in our team this season, the decision is final. I think that answers all our questions.” pic.twitter.com/Dy6PwEK3io
— Borussia Dortmund (@BlackYellow) August 10, 2020
ตราบใดที่ตลาดยังเปิด ความหวังยังคงอยู่
ถึงแม้ว่า ซอร์ค ผู้ที่ทำหน้าที่ในการเจรจาซื้อหาผู้เล่นจะประกาศชัดเจนแจ่มแจ้งขนาดนั้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะไม่เหลือความหวังเลย
ในทางตรงกันข้าม ทีมปีศาจแดงยังมีโอกาสอยู่ เพียงแต่พวกเขาต้องยอมรับในเงื่อนไขที่ดอร์ทมุนด์ตั้งเท่านั้น นั่นคือการจ่ายเงิน 120 ล้านยูโร
ปัญหาอยู่ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเองมองว่าการจ่ายเงินจำนวนนี้ในสถานการณ์ของโลกเวลานี้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
พูดง่ายๆ คือในยุคโควิด-19 แบบนี้ทุกคนก็ควรจะใช้จ่ายอย่างมีสติ ซึ่งสำหรับนักเตะอย่างซานโช แม้จะเก่งจริง แต่การที่สโมสรจะจ่ายเงินในระดับนั้นเป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหารเองก็คิดหนัก เพราะอย่าลืมว่าสโมสรเองก็ขาดรายได้ไปมหาศาลจากวิกฤตโรคระบาดที่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไร
ความจริงก็ไม่เฉพาะกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบทุกสโมสรเองก็ต้องรัดเข็มขัดทั้งสิ้น ขนาดลิเวอร์พูลที่ได้เงินรางวัลจากการได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมากถึง 175 ล้านปอนด์ ก็ยังล้มเลิกแผนการคว้าตัว ติโม แวร์เนอร์ และเสริมทัพด้วยแบ็กซ้ายเกรดรองที่มีค่าตัวเพียง 11.75 ล้านปอนด์อย่าง คอสตาส ซิมิคาส
สิ่งที่อดีตแชมป์ลีก 20 สมัยพยายามอย่างดีที่สุดแล้วคือ การปรับโครงสร้างของการชำระเงิน โดยตามรายงานข่าวมีการแบ่งชำระออกเป็น 3 งวด ซึ่งไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาคือยังมีส่วนต่างระหว่างราคาที่คนซื้ออยากซื้อ กับคนขายอยากได้อยู่อีกราว 10 ล้านปอนด์
เป็น 10 ล้านปอนด์ที่แบ่งแยกระหว่างการซื้อหรือไม่ซื้อ ไม่ต่างอะไรจากเราที่ยืนอยู่หน้าร้านค้าแล้วลังเลว่าจะซื้อดีไม่ซื้อดี
อย่างไรก็ดี จากความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากที่ดอร์ทมุนด์ยืนกรานเด็ดขาดว่าจะไม่ปล่อยซานโช ทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเองย่อมรู้สึกอะไรอยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะกับความกังวลในเรื่องของศักยภาพทีมที่จะแข่งขันกับคู่ต่อสู้ในฤดูกาลหน้า และโอกาสที่อาจเสียไปเปล่าๆ เป็นเวลา 1 ปีหากไม่ได้นักเตะระดับเพชรยอดมงกุฎรายนี้มาร่วมทีม
เพราะหากปล่อยไปถึงปีหน้า คราวนี้พวกเขาอาจไม่ใช่ทีมเดียวที่อยากได้สตาร์จอมเลื้อยรายนี้แล้วก็เป็นได้
ดังนั้นนับจากวันนี้ไปยังมีเวลาอีกเกือบ 2 เดือนกว่าตลาดซื้อขายจะปิดตัวลงในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ และนั่นคือความหวังที่ยังเหลืออยู่
เพราะในอดีตดอร์ทมุนด์ก็เคยกลับลำมาแล้วในกรณีของ อุสมาน เดมเบเล ที่ซอร์คก็เคยประกาศว่ามีสัญญากับทีมยาวนานถึงปี 2021 และจะไม่มีการเจรจากับบาร์เซโลนาอีก
แต่อีก 2 เดือนต่อมา ดอร์ทมุนด์ก็ขายเดมเบเลให้บาร์เซโลนาด้วยค่าตัวเป็นสถิติของสโมสร
อย่างไรก็ดี หากจะให้การย้ายทีมเกิดได้และไวขึ้น มันก็อาจจะขึ้นอยู่กับความร่วมมือพิเศษด้วย
Photo: https://thestandard.co/philippe-coutinho/
บางครั้งถึงสโมสรไม่อยากขาย แต่ถ้านักเตะอยากย้ายก็สามารถกดดันจนสำเร็จได้เหมือนรายของคูตินโญ
กล้าขอก็กล้าให้
ในทางฟุตบอลแล้ว หากสโมสรมีทีท่าไม่ต้องการที่จะปล่อยนักเตะออกไป ทางเดียวที่จะทำให้เกิดการย้ายทีมได้คือการที่นักเตะเองต้องแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการที่จะย้ายทีม
เหมือนตัวอย่างของ หลุยส์ ซัวเรซ หรือ ฟิลิปป์ คูตินโญ ที่คนหนึ่งก็งอแง อีกคนก็เจ็บหลัง สุดท้ายลิเวอร์พูลก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากการยอมปล่อยตัวออกไปจากทีม เพียงแต่ก็ต้องโขกสับกันจนถึงที่สุดก่อน
กรณีของซานโชก็เช่นกัน แหล่งข่าวใกล้ชิดฝั่งดอร์ทมุนด์ยังเชื่อว่าหากซานโชต้องการจะย้ายออกจากทีมจริงเหมือนที่เคยตั้งใจเอาไว้ในช่วงของต้นฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ประสบปัญหาอย่างหนักในทีมชนิดที่ต้องการจะย้ายออกจากทีมให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
เช่นนั้นเขาก็ต้องแสดงออกให้รู้ว่าไม่ต้องการอยู่กับสโมสรแล้ว ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับดอร์ทมุนด์ เพราะพวกเขาเสียสตาร์อย่าง มาริโอ เกิตเซ หรือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี มาด้วยสตอรีที่คล้ายกัน
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าซานโชและตัวแทนจะยังไม่กล้าที่จะ ‘หัก’ กับสโมสรขนาดนั้น เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่แต่เดิมมา ในฐานะที่เป็นสโมสรที่ให้โอกาสและชุบเลี้ยงจนกลายเป็นสตาร์ระดับชั้นนำของวงการ
นั่นทำให้เราเห็นซานโช กลับไปรายงานตัวด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
แต่ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไป นักเตะรายนี้จะเกิดเปลี่ยนใจ ทำใจได้ และกล้าที่จะกดดันเพื่อขอโอกาสในการย้ายทีมหรือไม่
ไพ่ตายอย่างการขอขึ้นบัญชีย้ายทีมยังคงอยู่ในมือ อยู่ที่ว่ากล้าพอไหม
Photo: https://thestandard.co/jadon-sancho-manchester-united/
จาดอน ซานโช หนึ่งในนักเตะพรสวรรค์ที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดคนหนึ่งของยุคสมัย
ตกลงค่าตัว 120 ล้านยูโรแพงไปหรือไม่
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ การที่ดอร์ทมุนด์ตั้งราคาซานโชเอาไว้ที่ 120 ล้านยูโรนั้นเป็นค่าตัวที่แพงเกินจริงหรือไม่?
เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว พวกเขาได้ตัวดาวเตะรายนี้มาจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วยค่าตัวเพียง 7.2 ล้านปอนด์เท่านั้น
แต่หากคิดถึงการที่ดอร์ทมุนด์เคยขายเดมเบเลให้กับบาร์เซโลนาได้ถึง 105 ล้านยูโร พร้อมกับออปชันอีก 42 ล้านยูโร หรือลิเวอร์พูลขายคูตินโญให้กับบาร์ซาในราคา 160 ล้านยูโรแล้วจะรู้สึกว่าค่าตัว 120 ล้านยูโรนั้นดูจะไม่ใช่เรื่องที่แพงเกินไป
และยิ่งหากเทียบตามการประเมินโดย The Football Observatory ซึ่งเป็นสถาบันที่น่าเชื่อถือได้ มีการประเมินค่าตัวของซานโชเอาไว้สูงถึง 162 ล้านปอนด์
โดยวิธีการคำนวณนั้นมาจากปัจจัยหลายอย่าง อาทิ สถานะของสัญญา, อายุ, ระดับการเล่นในทีมชาติ และอื่นๆ
ขณะที่เว็บไซต์ transfermarkt.co.uk เจ้าดังที่ใช้เป็นฐานข้อมูลของวงการฟุตบอล ได้ประเมินค่าตัวของซานโชเอาไว้ไม่มากเท่านั้น แต่ก็ได้ใกล้เคียงกับที่ดอร์ทมุนด์ตั้งคือ 105 ล้านปอนด์
ดังนั้นในข้อนี้จึงน่าจะชัดเจนว่าราคาที่ทีมเสือเหลืองตั้งนั้นไม่ได้เกินจากความเป็นจริงแต่อย่างใด และไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่พวกเขาจะต้องเห็นอกเห็นใจทีมอื่นลดราคาลงมาในยามนี้ เพราะสโมสรก็ไม่ได้เดือดร้อนหนักถึงขั้นต้องขายนักเตะกิน
โดยสรุปแล้วแม้ว่าจุดยืนของดอร์ทมุนด์จะเข้มแข็ง แต่ยังมีโอกาสที่ ‘มหากาพย์’ เรื่องนี้จะดำเนินไปต่อ และมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเท่านั้น
หรือหากมันจะจบจริง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ยังมีเป้าหมายอื่นอย่าง คิงสลีย์ โกม็อง หรือตัวของเดมเบเลเองอยู่ในข่ายที่น่าสนใจ
แต่จะให้ดีที่สุดก็ควรจะพยายามเพื่อให้ได้ตัวซานโชเท่านั้น
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- https://www.skysports.com/football/news/11095/12046603/jadon-sancho-manchester-united-not-giving-up-on-transfer-despite-borussia-dortmund-stance
- https://www.independent.co.uk/sport/football/premier-league/jadon-sancho-manchester-united-transfer-news-dortmund-latest-today-a9662726.html
- https://www.independent.co.uk/sport/football/transfers/man-utd-transfer-news-jadon-sancho-latest-dortmund-michael-zorc-a9663406.html