ปัจจุบัน MG เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ได้รับการยอมรับและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่หยุดตั้งคำถามเพื่อพัฒนาในทุกๆ ด้านอยู่เสมอเพื่อให้ได้มาซึ่ง ‘สิ่งที่ดียิ่งกว่า’ สำหรับลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม
ตลอดระยะเวลาที่ MG เข้ามาดำเนินการในประเทศไทย ได้มีการพัฒนาและนำเสนอ ‘ผลิตภัณฑ์’ ที่มุ่งเน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligence Connectivity) เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electrification) มีการแบ่งปันรถยนต์ในการใช้งานร่วมกัน (Car Sharing) และความเป็นสากล (Globalization)
ที่ผ่านมาเราจึงได้เห็นการติดตั้งระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ในรถยนต์ MG และยังมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง NEW MG ZS EV ที่มีส่วนช่วยลดปัญหามลพิษในระยะยาว การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ทำให้รถยนต์ MG เป็นสมาร์ทคาร์ที่มีความโดดเด่น
การบริการที่เหนือกว่าสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังเป็นที่มาของการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง พร้อมบริการหลังการขายที่สะดวกและรวดเร็วภายใต้ ‘Passion Service’ ณ ศูนย์บริการมาตรฐานทั่วประเทศ และการบริการเช็กระยะและตรวจสภาพรถนอกสถานที่ผ่านบริการ MG Mobile Service ด้วยรถบริการทั่วประเทศ 91 คัน ช่วยเพิ่มความถี่ในการบริการ เข้าถึงทุกสภาพพื้นที่ได้อย่างคล่องตัว
‘สิ่งที่ดียิ่งกว่า’ ยังต้องถูกส่งต่อไปยังสังคมและสิ่งแวดล้อม จึงเป็นที่มาของการนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ตั้งแต่กระบวนการการผลิต รวมไปถึงลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในโรงงานด้วยการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความห่วงใย ให้ความช่วยเหลือสังคม ด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ผ่านโครงการ ‘Together For Better Thailand ส่งต่อความห่วงใยจากใจสู่คนไทยทุกคน’ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและยกระดับความเป็นอยู่ของคนในสังคมให้ดีขึ้น
ก้าวที่สำคัญของ MG ในวันนี้หลอมรวมจากความร่วมมือหลายภาคส่วน ทั้งบุคลากรขององค์กร ผู้แทนจำหน่าย ตลอดจนภาครัฐที่ให้การสนับสนุนด้านนโยบาย และลูกค้าที่มอบความท้าทายใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นทุกด้านในทุกวัน เพื่อสร้าง ‘สิ่งที่ดียิ่งกว่า’ (Passion to be Better) อย่างต่อเนื่องต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์