DHL Express ได้ร่วมมือกับ Strom บริษัทผู้ผลิต จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการโซลูชันสำหรับการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า นำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 50 คันมาให้บริการรับและส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีผู้ส่งหรือผู้รับอยู่ภายในประเทศไทย เพื่อหวังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจก
โดย DHL ถือเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายแรกในประเทศไทยที่นำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาใช้งานจริง ซึ่งมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารวม 50 คันจะประจำอยู่ที่ศูนย์บริการ DHL Express 5 แห่ง เพื่อขนส่งเอกสารและพัสดุขนาดเล็ก ครอบคลุมย่านดอนเมือง, พระราม 9, พระราม 3, บางแค และบางนา ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ DHL นำมาใช้งานนั้นสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มภายในระยะเวลา 5 ชั่วโมง วิ่งได้สูงสุด 115 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ความเร็วสูงสุด 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ไม่ว่าจะเป็นควัน กลิ่น หรือเสียงรบกวน เนื่องจากใช้ระบบไฟฟ้า 100% ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 10,000 ต้นในแต่ละปี
เฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย และหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเป็นผู้ให้บริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศรายแรกในประเทศไทยที่ใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสำหรับการรับและส่งเอกสารและพัสดุระหว่างประเทศที่มีต้นทางหรือปลายทางในประเทศไทย เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาโซลูชันใหม่เพื่อช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซมลพิษที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050”
ศิวเวศม์ หงษ์นคร รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย กล่าวว่า “นับเป็นก้าวแรกในแผนการของเราที่จะเปลี่ยนมอเตอร์ไซค์ที่ใช้น้ำมันเบนซินเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งหมด มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเหล่านี้จะช่วยให้เราลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษายานพาหนะอย่างยั่งยืน ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่คูเรียร์ของเรายังรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมด้วยการขับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ไม่ส่งมลพิษให้กับสังคมในทุกๆ วัน”
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) และมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ที่ 0.86% ของก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) มีการรณรงค์ให้ภาคเอกชนร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 7-20% ภายในปี 2020
สำหรับประเทศไทย เป้าหมายระยะยาวในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ที่ 20-25% หรือเท่ากับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างน้อย 111 ล้านตัน ภายในปี 2030 ซึ่งปัจจุบันดีเอชแอล เอ็กซ์เพรส ประเทศไทย สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 60 ตันในปีนี้ หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 6,000 ต้น
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์