การปิดตัวชั่วคราวของยิมออกกำลังกายและฟิตเนสคลับ ทำให้ชาวอเมริกันหันมาให้ความสนใจกับการออกกำลังภายในบ้าน จุดนี้เองสร้างโอกาสให้กับ Mirror ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่ผลิตอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายภายในบ้าน จนในที่สุดไปเตะตา Lululemon แบรนด์เสื้อผ้าสำหรับการออกกำลังกาย ซึ่งล่าสุดได้ตัดสินใจที่จะเข้าซื้อด้วยมูลค่ามากถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาทด้วยกัน
Mirror นั้นเป็นสตาร์ทอัพที่ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก ซึ่งเปิดตัวในปี 2018 โดยธุรกิจหลักคือขายกระจกไฮเทคมูลค่า 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 46,000 บาท ที่ช่วยให้การออกกำลังกายที่บ้านง่ายเหมือนกับเดินทางไปที่ยิม
เพราะกระจกดังกล่าวมีคุณสมบัติคือการเป็นจอภาพวิดีโอเสมือน ซึ่งหากจ่ายเดือนละ 39 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,200 บาท ก็จะมีคลาสออกกำลังกายที่สอนแบบ Live Streaming ส่งตรงถึงบ้าน และหากไม่อยากเรียนร่วมกับใคร ก็มีการสอนออกกำลังกายแบบตัวต่อตัว ที่เปิดตัวในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาด้วย
นอกจากนี้ตัวกระจกไฮเทคสามารถติดตามรูปแบบในระหว่างการออกกำลังกาย ซึ่งยังสามารถตอบโต้เทรนเนอร์ที่สอนอยู่ได้ด้วย ผู้ใช้สามารถควบคุมผ่านแอปฯ สมาร์ทโฟน และสามารถดูสถิติการออกกำลังกายบนหน้าจอได้ทันที
การเข้าซื้อในครั้งนี้นอกจากจะตอบสนองต่อวิสัยทัศน์ของ Lululemon ที่ไม่อยากเป็นแบรนด์ที่ขายแต่เสื้อผ้า เช่น เลกกิ้งและสปอร์ตบราแล้ว ยังช่วยให้ Lululemon สามารถขยายสู่ธุรกิจดิจิทัลฟิตเนสได้มากขึ้น หลังธุรกิจหลักเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นในด้านกีฬาจากคู่แข่งอย่าง Nike
ขณะเดียวกันนอกเหนือจาก Mirror จะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ให้กับ Lululemon ผลพลอยได้อีกอย่างหนึ่งคือ การเป็นช่องทางใหม่ที่จะช่วยให้ Lululemon สามารถนำเสนอเสื้อผ้าโยคะ หรือเสื้อผ้าอื่นๆ ของบริษัท ผ่านคลาสออกกำลังกาย ซึ่งมีลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงดูอยู่ได้ แม้ว่าการขายเสื้อผ้าออกกำลังกายให้ผู้ชายและผู้หญิงได้มากขึ้นจะไม่ใช่เป้าหมายหลักก็ตาม
คาดว่าดีลนี้จะปิดในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2020 โดย Lululemon ตกลงที่จะชำระเป็นเงินสด ต่อไป Mirror จะมีสถานะเป็นบริษัทเดี่ยวที่สามารถทำธุรกิจได้ด้วยตัวเอง สำหรับซีอีโอคนปัจจุบันของ Mirror ก็จะรั้งตำแหน่งเดิมต่อไป และจะรายงานตรงต่อซีอีโอของ Lululemon
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: