หลังจากประกาศคลายล็อกดาวน์ครั้งที่สี่ เมื่อรัฐเริ่มอนุญาตให้ร้านอาหาร (ยกเว้นผับ บาร์ คาราโอเกะ) สามารถขายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และนั่งดื่มได้ภายในร้าน ทำให้เราได้เห็นหลายๆ ผู้ประกอบการร้านอาหารกลับมาเปิดให้บริการกันมากขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่องจากเฟสที่สามเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน เช่นเดียวกันกับบางร้านอาหารบนถนนข้าวสาร ถนนเส้นหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่เคยได้ชื่อว่าไม่เคยหลับใหล หนึ่งในย่านที่พร้อมเติมสีสันให้กับทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศอยู่เสมอ ก็กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากต้องหลับใหลอยู่ร่วมสามเดือน
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นวันศุกร์และเสาร์แรกที่ร้านอาหารจำนวนหนึ่งบนถนนเส้นนี้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ซึ่งจากภาพของถนนข้าวสารในอดีตที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศแน่นเต็มถนน กลับค่อนข้างเงียบเหงาจากการที่นักท่องเที่ยวยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ ไม่ได้มีแสงไฟตลอดทั้งสาย และไม่ได้มีร้านขายอาหารรถเข็นเต็มถนน แต่สำหรับสุดสัปดาห์แรกก็ยังถือว่านักท่องเที่ยวชาวไทยเริ่มกลับออกมากินข้าวนอกบ้านกันมากขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้านี้มาก เป็นแนวโน้มที่ทำให้เจ้าของร้านอาหารได้กลับมาทำธุรกิจกันได้ และทำให้ภาพของถนนข้าวสารค่อยๆ กลับมาสดใสเหมือนเดิม
สำหรับร้านอาหารที่กลับมาเปิดให้บริการในขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่หมั่นเข้ามาตรวจความเรียบร้อยอย่างสม่ำเสมอ หน้าร้านมีจุดสแกน QR Code ให้ลูกค้าเช็กอินก่อนเข้าร้าน พร้อมวัดอุณหภูมิและล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าร้าน การจัดที่นั่งตอนนี้ยกเลิกกฎวางฉากกั้น และไม่ได้จำกัดจำนวนลูกค้าต่อ 1 โต๊ะ แต่ทุกโต๊ะต้องวางห่างกันตามระยะที่รัฐกำหนด และทางที่ดีควรจองโต๊ะก่อนไปใช้บริการ เพราะเมื่อโต๊ะต้องห่างกันก็ทำให้ร้านรับลูกค้าได้น้อยลงนั่นเอง
หลังจากที่เราได้พูดคุยกับผู้บริโภค นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ออกมาถนนข้าวสารเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันว่า ตนได้ติดตามข่าวจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ตลอด ทำให้กล้าที่จะออกมาใช้บริการทานอาหารในย่านที่มีแนวโน้มจะพลุกพล่านเช่นเคย เนื่องจากทางร้านเองก็ดำเนินการตามกฎอย่างเคร่งครัด และตัวนักท่องเที่ยวเองก็พกหน้ากากอนามัยเป็นปกติเมื่อออกไปข้างนอก ทำให้มีความกังวลที่ลดลงและเห็นด้วยว่าคนไทยจะเริ่มออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเช่นเคย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
