วันนี้ (18 มิถุนายน) ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้กรมทางหลวงสำรวจศาลาริมถนนหลวงทั่วประเทศ ภายหลังจากที่มีรายงานข่าวว่าชาวบ้านไม่ใช้งานเพราะออกแบบไม่เหมาะสม ตามที่มีการแชร์ข้อมูลปัญหาการก่อสร้าง ศาลารอรถโดยสารที่อยู่ริมถนนหลวงในจังหวัดศรีสะเกษ ชุมพร และที่อื่นๆ ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จไปแล้ว แต่ชาวบ้านในพื้นที่ออกมาแสดงความเห็นว่าทั้งการออกแบบและลักษณะการก่อสร้างไม่เหมาะสม จนถึงขั้นไม่สามารถใช้งานได้จริง
ด้าน สราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ให้กรมทางหลวงไปดำเนินการแก้ไขปรับปรุงทั่วประเทศโดยด่วน โดยล่าสุดได้สั่งการให้สำนักงานทางหลวงและแขวงทางหลวงไปสำรวจ ตรวจสอบ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับงานก่อสร้าง ศาลารอรถโดยสารริมถนนหลวงทั่วประเทศและรีบปรับปรุงแก้ไข โดยการแก้ไขนั้น ให้ลงไปสอบถามความต้องการของประชาชน ชุมชนในพื้นที่ โดยการปรับปรุงต้องยึดความต้องการ และลักษณะการใช้งานของชุมชนในพื้นที่เป็นหลัก เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนที่จะเป็นผู้ใช้งานจริงของศาลารอรถโดยสารเหล่านี้
นอกจากนี้ สำหรับงานก่อสร้างถนนทางหลวงสายใหม่ หรือการปรับปรุงทางหลวงสายต่างๆ ของทุกโครงการที่จะดำเนินการในอนาคต ก็ให้ยึดแนวปฏิบัติเดียวกัน ในการก่อสร้างศาลารอรถโดยสารในทุกพื้นที่ ที่ต้องอยู่บนพื้นฐานสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนเช่นเดียวกัน
สำหรับข้อมูลแบบก่อสร้างจุดรอพักขึ้นรถโดยสาร (Bus Stop) นี้ มีแบบมาตรฐานที่ออกแบบขึ้นในปี 2537 และ 2558 โดยแบบมาตรฐานปี 2537 มีทั้งหมด 6 รูปแบบ คือรูปแบบ A และ B เป็นแบบศาลาทางหลวงที่มีความลึกของชายหลังคา 6.25 เมตร รูปแบบ C และ D คือรูปแบบศาลาทางหลวงที่มีความลึกของชายหลังคา 8 เมตร โดยจะแตกต่างกันที่ลักษณะโครงสร้าง รูปแบบ E และ F จะเป็นรูปแบบกรณีมีพื้นที่จำกัด ซึ่งมีลักษณะเป็นเพิงทำด้วยโครงสร้างเหล็กและไม้ หลังคากระเบื้อง ความลึกของฐานจุดรอพักจะมีความลึกที่ 2.50 และ 3.25 เมตรตามลำดับ
ส่วนแบบมาตรฐานปี 2558 มีทั้งหมด 5 รูปแบบ คือรูปแบบ A และ B เป็นรูปแบบศาลาทางหลวงที่มีความลึกของชายหลังคา 6.25 เมตร รูปแบบ C และ D คือรูปแบบศาลาทางหลวงที่มีความลึกของชายหลังคา 8 เมตร โดยจะแตกต่างกันที่ลักษณะโครงสร้าง และรูปแบบ E จะเป็นรูปแบบกรณีมีพื้นที่จำกัด ก่อสร้างด้วยโครงสร้างเหล็กหุ้มด้วยแผ่นอะลูมิเนียม หลังคาเมทัลชีท มีความลึกอยู่ที่ 2.50 เมตร
ทั้งนี้ การพิจารณาการเลือกจุดรอพักขึ้นรถโดยสารรูปแบบต่างๆ ได้พิจารณาในด้านวิศวกรรมความปลอดภัย ตำแหน่งในการก่อสร้าง ต้องมีระยะปลอดภัยจากช่องจราจรอย่างน้อย 2.50 เมตร เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ และยังต้องคำนึงถึงประเด็นที่ไม่บดบังทัศนวิสัยในการขับขี่และระยะมองเห็นที่ปลอดภัย
สราวุธระบุว่า แบบศาลารอรถโดยสารที่มีปัญหาคือแบบ E ขณะนี้ทั่วประเทศมีการก่อสร้างแล้วเสร็จไปแล้ว 114 จุด จากแผนงานที่จะมีการก่อสร้าง 449 จุดทั่วประเทศ ซึ่งจะรีบดำเนินการแก้ไข และพิจารณาปรับเปลี่ยนรูปแบบที่เหมาะสม ประชาชนใช้ประโยชน์ได้จริงโดยด่วน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์