Gucci เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ลักชัวรีอันดับต้นๆ ของวงการที่เข้าใจบริบทสังคมอย่างทั่วถึงว่าผู้บริโภคสมัยนี้ โดยเฉพาะ Gen Z ไม่ได้เพียงแค่ต้องการไอเท็มสุดปัง สุดคูล สุดแฟ หรือสุดอะไรก็แล้วแต่ที่เขาใช้บรรยายกันอย่างเดียว แต่สนใจเรื่องจุดยืนของแบรนด์ กรอบความคิด และการพัฒนาตัวเองเพื่อสอดคล้องกับประเด็นทางสังคมอีกด้วย
โดยล่าสุดทางแบรนด์อิตาลีชื่อดังก็ได้เผยคอลเล็กชันใหม่ชื่อ Off The Grid ที่ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ อเลสซานโดร มิเคเล ได้นำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในการผลิตคอลเล็กชัน Off The Grid ประกอบไปด้วยหมวดสินค้าหลักของ Gucci ทั้งกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าเป้ กระเป๋าโท้ต กระเป๋าคาดเอว แอ็กเซสซอรีต่างๆ หมวก สนีกเกอร์ และเสื้อผ้า โดยหลักการเบื้องหลังของทุกดีไซน์ตั้งใจที่จะคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเห็นได้จากวัสดุที่มีที่มาจากแหล่งยั่งยืน (Sustainabilty) รวมถึงเน้นใช้ ECONYL® เส้นไยไนลอนที่ทำมาจากขยะที่เกิดก่อนและหลังผ่านการบริโภคแล้ว ซึ่งเป็นอีกวัสดุที่แบรนด์อื่นๆ อย่าง Prada และ Stella McCartney ก็นำมาใช้เช่นกัน
อีกหนึ่งเสน่ห์ของคอลเล็กชันนี้ก็ต้องยกให้แคมเปญโฆษณาที่ไม่ว่าจะโปรเจกต์หรือซีซันไหน อเลสซานโดรก็ยังคงสร้างสรรค์ได้อย่างยอดเยี่ยม และเป็นการสะท้อนอีกมิติหนึ่งของ Gucci ได้อย่างมีชั้นเชิง โดยโปรเจกต์ Off The Grid เขาได้เลือกช่างภาพและผู้กำกับ ฮาร์โมนี คอรีน มาร่วมงานอีกครั้งหนึ่ง พร้อมได้คนดังอย่าง เจน ฟอนดา, ลิล นาส เอ็กซ์, คิงส์ พรินเซส, มิยาบิ และเดวิด เดอ รอธส์ไชลด์ มาร่วมแสดง ซึ่งถ่ายทำที่ลอสแอนเจลิสก่อนวิกฤตโควิด-19 และเป็นการรวมตัวกันที่สะท้อนความหลากหลาย (Diversity) ได้อย่างลงตัว ทั้งเชื้อชาติ สีผิว อายุ และสาขาอาชีพในแวดวงความคิดสร้างสรรค์
อเลสซานโดรได้กล่าวว่า “…ไอเดียคือการนำเสนอเรื่องราวของกลุ่มคนที่กำลังสร้างสิ่งใหม่ด้วยกัน ผมจึงจินตนาการว่าเราสามารถสร้างบ้านต้นไม้ขึ้นกลางเมืองได้ เหมือนกับเด็กๆ ที่เล่นในสวนสาธารณะ…” โดยแคมเปญนี้จะถูกแสดงอยู่บน Gucci ArtWalls คล้ายศิลปะฝาผนังทั่วโลก ทั้งในลาร์โก มิลาน ลอนดอน เซี่ยงไฮ้ นิวยอร์ก และฮ่องกง
นอกเหนือจากคอลเล็กชัน Off The Grid แล้ว ในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลกเมื่อวันก่อน ทาง Gucci ก็ได้เปิดตัวแคมเปญใหม่บนอินสตาแกรมชื่อ Equilibrium ที่อุทิศให้กับงานพัฒนาความยั่งยืนและสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้เกิดขึ้นกับผู้คนและโลกใบนี้ โดยทางแบรนด์ยังได้ประกาศผลประกอบการด้านสิ่งแวดล้อม หรือที่เรียกว่า EP&L ว่าสามารถลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมโดยรวมไปได้อย่างมากถึง -21% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ภาพ: Courtesy of Gucci
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์