- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ โดยวันนี้หลายประเทศในสหภาพยุโรปมีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมและบริการเบื้องต้น (Manufacturing & Services PMI) โดยที่นักลงทุนยังคงสนใจการประกาศของดัชนีสหภาพยุโรป ซึ่งสะท้อนภาพรวมและการประกาศของเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป
- คาดการณ์ว่าดัชนีมีแนวโน้มหดตัวทั้ง 4 ดัชนี สืบเนื่องจากการล็อกดาวน์ทั่วโลกเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักของอุปสงค์ ประกอบไปด้วย
– Germany Manufacturing PMI คาดว่าจะอยู่ที่ 39.2 ฟื้นตัวจากครั้งก่อนหน้าที่ 34.5 จุด
– Germany Services PMI คาดว่าจะอยู่ที่ 26.6 ฟื้นตัวจากครั้งก่อนหน้าที่ 16.2 จุด
– EU Manufacturing PMI คาดว่าจะอยู่ที่ 38.0 ฟื้นตัวจากครั้งก่อนหน้าที่ 33.4 จุด
– EU Services PMI คาดว่าจะอยู่ที่ 25.0 ฟื้นตัวจากครั้งก่อนหน้าที่ 12.0 จุด
- วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายซึ่งมีสาระสำคัญในการห้ามไม่ให้บริษัทต่างชาติที่พิสูจน์ได้ว่าอยู่ภายใต้การครอบครอง หรือถูกควบคุมโดยรัฐบาลต่างชาติเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ โดยจะพิจารณาผ่านทาง Public Company Accounting Oversight Board (PCAOB) ของสหรัฐฯ ว่าเข้าเกณฑ์ดังกล่าวหรือไม่ หรือมีความโปร่งใสมากพอที่จะตรวจสอบได้หรือไม่ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในระบบ เพื่อให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนได้เหมาะสม โดยยืนยันว่าไม่มีจุดประสงค์ทำสงครามเย็นครั้งใหม่กับจีนแต่อย่างใด
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% จากระดับ 0.75% สู่ระดับ 0.50% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมทั้งระบุว่าเป็นผลมาจากการหดตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกที่มีแนวโน้มรุนแรงกว่าที่คาด ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจติดลบมากกว่าที่ประเมินไว้ อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินของประเทศไทยยังคงมีเสถียรภาพที่ดีอยู่ หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการดูแลเสถียรภาพ และจัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ไปแล้วก่อนหน้านี้
- รัฐบาลอังกฤษออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลอัตราผลตอบแทน -0.003% ได้กว่า 3,800 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นการเสนอขายพันธบัตรติดลบครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอังกฤษ จากความกังวลเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้อังกฤษกลายเป็นอีก 1 ประเทศที่มีการออกพันธบัตรให้อัตราผลตอบแทนติดลบ เช่นเดียวกับญี่ปุ่น เยอรมนี และอีกหลายชาติในสหภาพยุโรป
- Johnson & Johnson ประกาศหยุดขายแป้งเด็กในสหรัฐฯ และแคนาดา หลังพบว่ายอดขายมีจำนวนลดลงจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนเป็นไป ประกอบกับการถูกโจมตีจากข่าวลือว่าแป้งเด็ก Johnson มีแร่ใยหินเป็นส่วนผสม ซึ่งอาจก่อมะเร็ง โดยทางบริษัทเน้นยํ้าว่าผลิตภัณฑ์แป้งเด็กของตนไม่มีสารก่อมะเร็ง และจะจัดจำหน่ายแป้งเด็กในภูมิภาคอื่นต่อไป
ภาวะตลาดวานนี้
- สินทรัพย์เสี่ยงเกือบทั่วโลก นำโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง นำโดยกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 น้อยที่สุด จากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง อาทิ Fed ที่รายงานการประชุมว่ามีความกังวลต่อเศรษฐกิจ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับ BOJ ที่อาจสนับสนุนการปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม ขณะที่หลายๆ ประเทศทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
- ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย สร้างแรงหนุนต่อสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ทองคำ ขณะที่น้ำมันได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากรายงานสต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
สหรัฐฯ
- Dow 30 อยู่ที่ 24575.9 เพิ่มขึ้น 369.04 (1.52%)
- S&P 500 อยู่ที่ 2971.61 เพิ่มขึ้น 48.67 (1.67%)
- Nasdaq อยู่ที่ 9375.78 เพิ่มขึ้น 190.67 (2.08%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 11223.71 เพิ่มขึ้น 148.42 (1.34%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 6067.16 เพิ่มขึ้น 64.93 (1.08%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2942.39 เพิ่มขึ้น 39.81 (1.37%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 17213.11 เพิ่มขึ้น 178.57 (1.05%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 20595.15 เพิ่มขึ้น 161.7 (0.79%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5573 เพิ่มขึ้น 13.5 (0.24%)
- Shanghai อยู่ที่ 2883.74 ลดลง -14.84 (-0.51%)
- SZSE Component อยู่ที่ 10948.48 ลดลง -104.37 (-0.94%)
- China A50 อยู่ที่ 13462.16 ลดลง -19.75 (-0.15%)
- Hang Seng อยู่ที่ 24399.95 เพิ่มขึ้น 11.82 (0.05%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 10907.8 เพิ่มขึ้น 47.36 (0.44%)
- SET อยู่ที่ 1322.2 เพิ่มขึ้น 12.25 (0.94%)
- KOSPI อยู่ที่ 1989.64 เพิ่มขึ้น 9.03 (0.46%)
- IDX Composite อยู่ที่ 4545.95 ลดลง -2.7 (-0.06%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 30818.61 เพิ่มขึ้น 622.44 (2.06%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5581.96 เพิ่มขึ้น 26.11 (0.47%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 33.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.93 (6.1%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 35.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.29 (3.74%)
- ราคาทองคำอยู่ที่ 1747.74 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.5 (0.09%)
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters
ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum