สื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่นรายงานว่า สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น มีแนวโน้มที่จะสละราชสมบัติในช่วงปลายเดือนมีนาคม ปี 2019 นับเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์แรกของดินแดนอาทิตย์อุทัยที่ตัดสินพระทัยสละราชสมบัติในรอบเกือบ 200 ปี
พระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิของญี่ปุ่นที่ใช้เวลาเกือบ 3 ทศวรรษในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศด้วยความวิริยะอุตสาหะ เพื่อสมานบาดแผลทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลก และยังถือว่าเป็นอีกหนึ่งราชวงศ์ที่มีความใกล้ชิดกับสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเป็นอย่างมาก
เหตุผลสำคัญที่พระองค์ทรงชี้เเจงเพื่อขอสละราชสมบัติเป็นไปเพื่อเปิดทางให้กับพระราชโอรสพระองค์โตของพระองค์ที่ทรงมีพระชนมายุถึง 57 พรรษาแล้ว นอกจากนี้พระองค์ยังทรงมีปัญหาเรื่องสุขภาพพลานามัยที่ต้องได้รับการดูแลรักษาพระอาการอย่างใกล้ชิด การเสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงงานจึงอาจจะมิได้เป็นไปด้วยความสะดวกเช่นเมื่อก่อน ทั้งสองพระองค์จึงตัดสินพระทัยที่จะให้รัชทายาทตามสันตติวงศ์สืบราชบัลลังก์ต่อจากพระองค์
สมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะทรงมีพระราชสาส์นก่อนวันคล้ายวันพระราชสมภพปีที่ 83 ของพระองค์วันนี้ (20 ต.ค.) ความว่า เราและสมเด็จพระจักรพรรดิจะเสด็จฯ ไปทั่วทั้งญี่ปุ่นในปีนี้ และนี่อาจจะเป็นการเสด็จฯ ครั้งสุดท้ายของพวกเรา
เมื่อทราบข่าว ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากที่จงรักภักดีต่อสถาบันฯ ต่างรู้สึกใจหายและซาบซึ้งในคุณูปการมากมายที่ทั้งสองพระองค์ทรงกระทำเพื่อญี่ปุ่นตลอดมา
โดยทางรัฐบาลญี่ปุ่นยังไม่ระบุวันที่แน่นอนในการจัดพิธีสละราชบัลลังก์อย่างเป็นทางการ พร้อมกันนี้ยังคาดการณ์ว่าพิธีราชาภิเษกของเจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายน ปี 2019 โดยถือเป็นการสิ้นสุดรัชสมัยเฮเซ (Heisei) และรัฐบาลจะทูลเกล้าฯ ถวายนามรัชศกใหม่อย่างเป็นทางการ
หากการสละราชสมบัติเกิดขึ้นจะทำให้ลำดับของราชวงศ์ญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลง โดยเจ้าชายฟุมิฮิโตะ เจ้าอากิชิโนะ พระราชโอรสพระองค์รองในพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะจะขึ้นเป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 พระองค์ใหม่ เจ้าชายฮิซาฮิโตะ เจ้าอากิชิโนะ พระราชนัดดา จะขึ้นเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 และรัชทายาทลำดับที่ 3 ซึ่งเป็นลำดับสุดท้ายคือ เจ้าชายมาซาฮิโตะ เจ้าฮิตาชิ พระอนุชาในพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ
ล่าสุด ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาปฏิเสธว่า การรายงานข่าวข้างต้นของสำนักข่าวท้องถิ่น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะขณะนี้รัฐบาลยังคงหารือกันในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะช่วงระยะเวลาที่จะจัดพิธีสละราชสมบัติขึ้น เพื่อให้พิธีการในการเปลี่ยนรัชสมัยเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
Photo: AFP
อ้างอิง: