สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งประกอบธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน คือหนึ่งในนักธุรกิจที่ได้รับจดหมายเปิดผนึกจากนายกรัฐมนตรีที่ถามถึงโครงการช่วยเหลือประชาชนชาวไทยที่เป็นรูปธรรม
โดยสมโภชน์กล่าวว่าแม้ปัจจุบันนี้ธุรกิจของ EA จะยังไม่ได้รับผลกระทบนัก แต่จากสถานการณ์โควิด-19 โดยรวมที่ยืดเยื้อและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจนเกือบถึงขั้นวิกฤต มาตรการอยู่บ้านเพื่อหยุดเชื้อไม่สามารถทำได้นานนัก แม้ว่าจะเริ่มมีการติดเชื้อรายใหม่ลดลง แต่องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าโควิด-19 จะยังคงอยู่ไปอีกพักใหญ่ เราจำเป็นต้องหาวิธีการเพื่อประคับประคองชีวิตและการยังชีพของคนไทยทุกคน
เพื่อให้คนไทยสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ภายใต้ข้อจำกัดที่ยังไม่มีวัคซีนและยาที่ใช้ได้ผล จึงได้เข้าช่วยเหลือโดยได้ชักชวนพันธมิตรเพื่อมาร่วมมือกันในชื่อ ‘กลุ่มช่วยกัน’ ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีเจตจำนงว่าสมาชิกและพันธมิตรของกลุ่มช่วยกันจะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาของประเทศในรูปของกลุ่มอิสระ โดยไม่หวังผลประโยชน์ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่อิงการเมือง ไม่วิพากษ์วิจารณ์ใคร ทำงานให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมเปิดรับแนวคิดที่เป็นประโยชน์ ไม่ทำงานซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น
ขณะเดียวกันก็จะสนับสนุนและส่งเสริมโครงการดีๆ ที่มีผู้อื่นทำอยู่แล้ว และพร้อมจะสลายตัวเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น การขับเคลื่อนโครงการต่างๆ เน้นการใช้พลังสมองในการวิเคราะห์และคาดการณ์เพื่อเตรียมการอย่างเป็นระบบ ลงทุนเพื่อนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้จัดการกับปัญหาในลักษณะที่จะส่งผลในวงกว้างให้มากที่สุด และลงมือปฏิบัติด้วยตนเองพร้อมกับทีมงานทั้งภายในและต่างประเทศ
ทีมงานของกลุ่มช่วยกันประกอบไปด้วยผู้ที่มีประสบการณ์และความรู้ความสามารถหลากหลาย ทั้งด้านวิศวกรรมการออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาซอฟต์แวร์ การวิเคราะห์และคาดการณ์ข้อมูล สถาบันการศึกษา ผู้ให้บริการข่าวสารและบันเทิง สื่อสารมวลชนทุกแขนง องค์กรอิสระ และทีมงานสนับสนุนจำนวนมาก สำหรับกลุ่มช่วยกันวางกลยุทธ์การดำเนินโครงการไว้ 3 ส่วนใหญ่ ๆ ประกอบด้วย
ด้านการเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติการทางการแพทย์ เพิ่มความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ด้วยการออกแบบ จัดซื้อ และติดตั้งอุปกรณ์กำจัดเชื้อโรคและเครื่องกรองอากาศในพื้นที่ส่วนกลางของโรงพยาบาล ห้องพักผู้ป่วย และสถานที่รองรับผู้ป่วยนอกโรงพยาบาล ตลอดจนรถพยาบาล ซึ่งจะช่วยปกป้องบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อหรือการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส และบุคลากรทางการแพทย์สามารถปฏิบัติหน้าที่สำคัญได้อย่างมั่นใจ
โดยตั้งเป้าหมายกระจายความช่วยเหลือเบื้องต้น (ระยะแรก) ไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศ ได้แก่ ติดตั้งเครื่องกำจัดไวรัสแก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ 100 แห่ง ปรับปรุงห้องผู้ป่วยติดเชื้อ 1,000 ห้อง ปรับปรุงอาคารที่พักนอกโรงพยาบาลสำหรับผู้ติดเชื้อที่อาการไม่รุนแรง 1,000 ห้อง ปรับปรุงรถพยาบาลเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อ 500 คัน
ด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนไทยมีความรู้เกี่ยวกับโควิด-19 อย่างถูกต้อง เพื่อให้รู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง ลดโอกาสการติดเชื้อและการแพร่เชื้อลงได้ โดยสื่อสารให้แพร่หลายเป็นระยะๆ ผ่านช่องทางต่างๆ ของสมาชิกและพันธมิตร
ด้านเทคโนโลยีเพื่อการป้องกัน ติดตาม และประเมินความเสี่ยงของประชาชน โดยใช้แอปพลิเคชัน ‘หมอชนะ’ มาเป็นเครื่องมือที่จะอยู่ในโทรศัพท์มือถือของประชาชนทุกคนแบบไม่ระบุตัวตน เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและเก็บข้อมูลไว้อย่างปลอดภัย ระบบจะมีข้อมูลการเดินทางและวิเคราะห์ข้อมูลจากการพบปะหรือเข้าใกล้กับคนอื่น โดยมีการรายงานผลเป็นค่าสีต่างๆ แบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือรู้ความเสี่ยงของตัวเอง มีระบบเตือนความเสี่ยงไปยังผู้ใช้ มีการให้ข้อมูลด้านสาธารณสุขที่เชื่อถือได้ จึงเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ใช้ ผู้ใกล้ชิด และปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ได้
“เราขอผลักดันให้ทุกคนหันมาใช้แอปพลิเคชัน ‘หมอชนะ’ โดยในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดตัวให้จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดนำร่อง สร้าง ‘Chachoengsao Model’ ซึ่งถือเป็นต้นแบบ ก่อนขยายไปในเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของประเทศทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม เพื่อให้สามารถคืนกลับมาสู่การดำเนินธุรกิจและชีวิตประจำวันได้โดยเร็วและปลอดภัย”
นอกจากนี้ EA ยังได้ร่วมสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและงานวิจัยเกี่ยวกับสาธารณสุขเป็นอย่างยิ่ง และสามารถผลิตชุดตรวจประสิทธิภาพสูง ‘PSU COVID-19’ ที่มีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากลในต้นทุนการตรวจที่ต่ำและรู้ผลทันที ทำให้สามารถนำชุดตรวจโควิด-19 มาใช้ตรวจสอบยืนยันโรคได้จำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วยให้รู้สถานการณ์ที่แท้จริงของโรค และจัดการกับสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์