- วานนี้ สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสูงแตะ 4.4 ล้านคนในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.3 ล้านคน ส่งผลให้จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมาสูงแตะ 26.4 ล้านคน สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักและธุรกิจปิดตัวลงชั่วคราว
- สายการบินเริ่มทยอยกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินในประเทศ หลังยอดการสูญเสียรายได้ของอุตสาหกรรมการบินโลกเพิ่มเป็น 10.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สืบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยท่าอากาศยานนานาชาติอู่ฮั่นในจีนได้เริ่มเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา รวมถึงกลุ่มแอร์เอเชีย มาเลเซีย, แอร์เอเชีย อินโดนีเซีย, แอร์เอเชีย ฟิลิปปินส์ ที่จะเปิดให้บริการถัดไป
- จีนประกาศบริจาคเงินสนับสนุนองค์การอนามัยโลก (WHO) เพิ่มเติมอีก 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนงบประมาณในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และส่งเสริมเสถียรภาพระบบสาธารณสุขให้กับประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนเปิดเผยว่า จีนพร้อมสนับสนุน WHO ซึ่งเป็นหน่วยงานสหประชาชาติ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของรัฐบาลและประชาชนชาวจีนที่มีต่อองค์การอนามัยโลก
- อูร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) แถลงข่าวถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือประเทศในสหภาพยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า EC มีมติเห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณกว่า 3.3 ล้านล้านยูโรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งประกอบไปด้วยความช่วยเหลือให้ธุรกิจกลับมาดำเนินงานได้หลังล็อกดาวน์, เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับธุรกิจในประเทศต่างๆ และวงเงินสำหรับการลดหย่อนภาษีให้ภาคธุรกิจ
- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานประจำเดือนมีนาคม ซึ่งคาดว่าจะหดตัว -5.8% (MoM) โดยหดตัวลดลงจากครั้งก่อนหน้าที่ -0.6% (MoM) สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กดดันการบริโภคและการใช้จ่ายทั้งระบบ ขณะที่สหราชอาณาจักรก็เตรียมมีประกาศตัวเลขค้าปลีกในวันนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ -4.0% (MoM) หดตัวลดลงจากครั้งก่อนหน้าที่ -0.3% (MoM)
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทรงตัว แม้ว่าตัวเลขผู้ขอสวัสดิการจากการว่างงานจะสูงขึ้น แต่ก็ยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน พยุงตลาดไว้ได้ เช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นพยุงตลาดไว้ อาทิ หุ้นเชลล์ เพิ่มขึ้น 3.73% และหุ้นโททาล เพิ่มขึ้น 4.19% เป็นต้น
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากความตึงเครียดบริเวณอ่าวเปอร์เซีย สืบเนื่องจากคำขู่ของอิหร่านที่จะโจมตีเรือรบสหรัฐฯ หากพบว่าเป็นภัยคุกคาม รวมไปถึงการคาดการณ์ที่สหรัฐฯ จะผลิตน้ำมันได้ลดลงจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ ด้านราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
สหรัฐฯ
- Dow 30 อยู่ที่ 23515.26 เพิ่มขึ้น 39.44 (0.17%)
- S&P 500 อยู่ที่ 2797.8 ลดลง -1.51 (-0.05%)
- Nasdaq อยู่ที่ 8494.75 ลดลง -0.63 (-0.01%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 10513.79 เพิ่มขึ้น 98.76 (0.95%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5826.61 เพิ่มขึ้น 55.98 (0.97%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2852.46 เพิ่มขึ้น 17.56 (0.62%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 17011.11 เพิ่มขึ้น 245.83 (1.47%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 19429.44 เพิ่มขึ้น 291.49 (1.52%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5217.1 ลดลง -4.1 (-0.08%)
- Shanghai อยู่ที่ 2838.5 ลดลง -5.48 (-0.19%)
- SZSE Component อยู่ที่ 10564.05 ลดลง -53.14 (-0.5%)
- China A50 อยู่ที่ 13093.14 ลดลง -17.6 (-0.13%)
- Hang Seng อยู่ที่ 23977.32 เพิ่มขึ้น 83.96 (0.35%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 10366.51 เพิ่มขึ้น 58.77 (0.57%)
- SET อยู่ที่ 1272.53 เพิ่มขึ้น 10.72 (0.85%)
- KOSPI อยู่ที่ 1914.73 เพิ่มขึ้น 18.58 (0.98%)
- IDX Composite อยู่ที่ 4593.55 เพิ่มขึ้น 25.99 (0.57%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 31863.08 ลดลง -95.94 (1.54%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5599.55 เพิ่มขึ้น 25.8 (0.46%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 17.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.17 (22.61%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 21.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.92 (9.83%)
- ราคาทองคำอยู่ที่ 1728.78 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 40.58 (2.41%)
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters