วันนี้ (12 เมษายน) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยอดผู้ป่วยโควิด-19 สะสมทั่วโลกสูงเกือบ 1.78 ล้านรายแล้ว โดยสหรัฐฯ มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เพิ่มราว 3 หมื่นรายในวันเดียว ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมสูงสุดถึง 5.3 แสนราย หรือกว่า 1 ใน 3 ของผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมด หลังจากตรวจหาการติดเชื้อไปแล้วกว่า 2.67 ล้านรายทั่วประเทศ
โดยสหรัฐฯ แซงหน้าอิตาลีขึ้นเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตมากที่สุดถึง 20,577 ราย ทิ้งห่างจากอิตาลีที่เคยรั้งอันดับสูงสุดของหัวตารางมานานหลายสัปดาห์ราว 1,000 รายเท่านั้น ขณะที่ยอดรักษาหายทั่วโลกอยู่ที่ 402,709 ราย อัตราการรักษาหายอยู่ที่ 22.64% เสียชีวิตแล้ว 108,770 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 6.11%
ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธ์ุใหม่แล้วอย่างน้อยใน 178 ประเทศ โดยชาติที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ สหรัฐอเมริกา (532,879 ราย), สเปน (163,027 ราย), อิตาลี (152,271 ราย), ฝรั่งเศส (129,654 ราย) และเยอรมนี (125,452 ราย) ขณะที่ผู้ติดเชื้อในจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มชะลอตัวอยู่ที่ราว 8.2 หมื่นราย หรือคิดเป็นเพียง 4.6% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด 1,779,099 รายทั่วโลก
โดยรัฐนิวยอร์กมีผู้ติดเชื้อสะสมเกิน 1.8 แสนรายแล้ว ทิ้งห่างรัฐนิวเจอร์ซีย์ที่ตามมาเป็นอันดับ 2 เกือบ 2 เท่าตัว (58,151 ราย) ตามมาด้วยรัฐมิชิแกน (23,993 ราย) รัฐแมสซาชูเซตส์ (22,860 ราย) และรัฐแคลิฟอร์เนีย (22,173 ราย) ขณะที่รัฐอะแลสกาเป็นรัฐที่มีรายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 สะสมน้อยที่สุดขณะนี้เพียง 257 ราย