วันนี้ (10 เมษายน) จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักวิเคราะห์ตลาดการเงินและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ กล่าวว่าค่าเงินบาทเช้าวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 32.71 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน (9 เมษายน) ที่ระดับ 32.82 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนหนึ่งเพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงราว 0.7% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักทั่วโลกในช่วงค่ำ โดยมองว่ากรอบเงินบาทวันนี้จะอยู่ที่ 32.60-32.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ในคืนที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวบวกขึ้น 1.4% หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ขยายขอบเขตการทำนโยบายการเงินเพิ่มเติมให้ครอบคลุมเกือบทุกบริษัทและแทบทุกระดับของตราสารหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 ส่งผลให้สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์ที่หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1974
อย่างไรก็ตาม นโยบายการเงินของ Fed ครั้งนี้มี 5 เรื่องหลัก ได้แก่
- Primary and Secondary Market Corporate Credit Facilities (PMCCF และ SMCCF) มูลค่าวงเงินราว 7.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการเปิดวงเงินซื้อตราสารหนี้ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง รวมไปถึง ETF ตราสารหนี้ โดยเรตติ้งที่ซื้อได้ถูกปรับลดลงมาที่ระดับ BB-/Ba3
- Municipal Lending Facility ในมูลค่าวงเงินราว 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเป็นการปล่อยกู้ตรงให้กับหน่วยงานรัฐทั่วทั้งสหรัฐฯ ที่ดอกเบี้ยต่ำ มีอายุราว 24 เดือน
- Term Asset-Backed Securities Loan Facility (TALF) ในมูลค่าวงเงินราว 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่มีการเพิ่มสินทรัพย์ให้ครอบคลุมไปถึงสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่ออกโดยภาคเอกชน
- Main Street Lending Program ในมูลค่าวงเงินราว 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะเป็นการปล่อยกู้ให้กับบริษัทที่มีพนักงานไม่เกิน 10,000 ตำแหน่ง และมีรายได้ไม่เกิน 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ที่ดอกเบี้ย SOFR +200-400bps มีอายุได้ถึง 4 ปี
- Paycheck Protection Program Liquidity Facility ไม่จำกัดวงเงิน
ขณะที่ฝั่งตลาดเงิน นโยบายทั้งหมดกดดันให้ผลตอบแทนของกลุ่ม High Yield และพันธบัตรรัฐบาลในประเทศฝั่งลาตินอเมริกาปรับตัวลง 30-60bps เนื่องจากเป็นตราสารที่มีความเสี่ยงใกล้เคียงกับตราสารที่ Fed ซื้อเพิ่ม
นอกจากนี้ช่วงเช้าวันนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงหลังจากที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันไม่สามารถหาข้อตกลงระยะสั้นกันได้จนต้องประชุมต่อในวันนี้ หนุนให้ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวกลับขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ในฝั่งของเงินบาทและสกุลเงินเอเชียในระยะถัดไปเชื่อว่าจะได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ แต่ในระยะสั้นต้องจับตาดูในวันนี้ก่อนว่าจะมีเงินทุนไหลเข้ามาฝั่งเอเชียมากขนาดไหน ถ้าราคาน้ำมันยังทรงตัวในระดับต่ำ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์