ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามประกาศใช้กฎหมายจัดสรรงบประมาณอัดฉีดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฉบับประวัติศาสตร์มูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ หลังทำเนียบขาวและผู้นำวุฒิสภาใน The US Capitol ตกลงในรายเอียดและเงื่อนไขแพ็กเกจฉุกเฉินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ
คืนวันพุธ (25 มีนาคม) ตามเวลาสหรัฐฯ วุฒิสภา ซึ่งมี ส.ว. จากพรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนนเอกฉันท์ 96 ต่อ 0
จากนั้นร่างกฎหมายงบประมาณฉบับ Bipartisan ได้ผ่านความเห็นชอบในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันศุกร์ (27 มีนาคม)
สาระสำคัญของร่างกฎหมายงบประมาณอัดฉีดที่ทั่วโลกจับตามีอะไรบ้าง THE STANDARD ได้สรุปมาไว้ที่นี่แล้ว โดยแบ่งเป็น
– งบประมาณ 2.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจ่ายให้ประชาชนผู้เสียภาษีโดยตรงแบบครั้งเดียว สูงสุดคนละ 1,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 39,300 บาท) และ 2,400 ดอลลาร์ (ราว 78,600 บาท) สำหรับคู่สามีภรรยา และเพิ่มอีก 500 ดอลลาร์ ต่อบุตรหนึ่งคน โดยเกณฑ์รับเงินจำนวนดังกล่าวกำหนดไว้จากรายได้ไม่เกิน 75,000 ดอลลาร์ และ 150,000 ดอลลาร์ สำหรับคู่สมรส และจะลดหลั่นลงไป โดยคำนวณจากฐานรายได้แบบขั้นบันได สูงสุดจากฐานไม่เกิน 99,000 ดอลลาร์ และ 198,000 ดอลลาร์ ต่อหนึ่งครอบครัว (คู่สมรส)
– เงินสมทบโครงการประกันการว่างงาน รวม 2.5 แสนล้านดอลลาร์ โดยจ่ายให้คนละ 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ เป็นเวลาสูงสุด 4 เดือน เพิ่มเติมจากผลประโยชน์ที่ได้รับปกติจากรัฐ ซึ่งครอบคลุมถึงคนที่ประกอบอาชีพอิสระและผู้รับเหมาอิสระ
– ตั้งกองทุนฉุกเฉินมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ สำหรับปล่อยกู้ ค้ำประกันสินเชื่อ หรือลงทุนในธุรกิจ มลรัฐ และเมือง ที่ได้รับความเสียหายจากวิกฤตโควิด-19
– เงินช่วยเหลือรวมมูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่มอบให้สายการบินต่างๆ และเงินอีกจำนวน 4 พันล้านดอลลาร์ สำหรับบริษัทขนส่งทางอากาศ เพื่อนำไปจ่ายค่าแรง เงินเดือนและผลประโยชน์ของพนักงาน นอกจากนี้ยังตั้งกองทุนฉุกเฉินวงเงิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 4 พันล้านดอลลาร์ สำหรับปล่อยกู้แก่อุตสาหกรรมดังกล่าว
– ให้เงินกู้วงเงิน 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ แก่กลุ่มธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการรักษาความมั่นคงของประเทศ
– จัดสรรงบประมาณ 1.17 แสนล้านดอลลาร์ มอบให้โรงพยาบาลและสถานเฮลธ์แคร์ต่างๆ
– งบประมาณ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ สำหรับการเก็บสะสมเภสัชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ในคลังยุทธศาสตร์แห่งชาติ
– เงินกู้ 3.5 แสนล้านดอลลาร์ สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อนำไปจ่ายเงินเดือน ค่าแรง และผลประโยชน์ของพนักงาน คิดเป็น 250% ของบัญชีค่าจ้างรายเดือนของนายจ้าง ด้วยวงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านดอลลาร์
– เครดิตภาษีสำหรับการรักษาพนักงานไว้ สูงสุด 50% ของค่าจ้างที่จ่ายให้ในช่วงวิกฤต สำหรับธุรกิจที่จำเป็นต้องหยุดกิจการหรือรายรับลดลง 50% จากปีก่อน
– ชะลอการหักภาษีเงินเดือนของลูกจ้าง โดยกำหนดให้ชำระภาษีจำนวนครึ่งหนึ่งของที่เลื่อนออกมาภายในสิ้นปี 2021 และอีกครึ่งที่เหลือชำระภายในปี 2022
– ห้ามบริษัทที่กู้เงินจากรัฐบาลซื้อหุ้นคืนก่อนครบกำหนด 1 ปี นับจากวันที่จ่ายเงินคืนรัฐทั้งหมดแล้ว
– ห้ามธุรกิจของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และครอบครัว รับเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจากงบประมาณก้อนนี้ รวมถึงรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์, รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ รวมทั้งสมาชิกสภาคองเกรสและครอบครัวของพวกเขาด้วย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: