วันนี้ (11 มีนาคม) กรมควบคุมมลพิษรายงานผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือจำนวน 25 สถานี ซึ่งตรวจวัดค่าได้ 43-269 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
พร้อมทั้งพบปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่เมื่อเทียบกับวานนี้ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งสาเหตุหลักยังคงเป็นผลสืบเนื่องจากการเผาไหม้ในพื้นที่ป่าต่างๆ ส่งผลให้ภาพรวมค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์ ‘คุณภาพปานกลาง’ ถึง ‘มีผลกระทบต่อสุขภาพ’ โดยมีพื้นที่ฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานจำนวน 20 พื้นที่ ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 5 พื้นที่ที่พบค่าฝุ่นสูงได้ดังนี้
ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน (269)
ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย (245)
ตำบลบ้านต๋อม อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา (140)
ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย (121)
ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ (95)
ขณะที่เว็บไซต์ AirVisual รายงานสถานการณ์ฝุ่นรอบโลกฉบับเรียลไทม์ (ช่วงเวลา 09.00 น.) พบว่า ผลการจัดอันดับค่าฝุ่นรอบโลกของประเทศไทย พบพื้นที่เขตจังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณฝุ่นแบบภาพรวมที่ 208 US AQI ส่วนปริมาณฝุ่น PM2.5 มีค่าเฉลี่ยที่ 157.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร กลายเป็นเมืองที่มีฝุ่นมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของโลกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมมลพิษขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวควรเฝ้าระวังสุขภาพ และควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อทำกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่งทุกชนิด
โดยประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ได้ทางเว็บไซต์ AirVisual หรือทางแอปพลิเคชัน AirVisual ทั้งในระบบ Android และ iOS เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่นบริเวณนั้นๆ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
