วันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ปีนี้จะสามารถสร้างยอดขาย (Presale) โต 40% แตะระดับ 29,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย 21,000 ล้านบาท
ด้านเป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 33,000 ล้านบาท เติบโต 9% จากปีก่อนที่ 31,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 53% จากโครงการกิจการร่วมค้า (JV) 53% และของ SIRI 47% และจากบ้าน 47%
ปีนี้พัฒนาโครงการใหม่ 18 โครงการ รวมมูลค่า 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,800 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,600 ล้านบาท ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรเจกต์ 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,600 ล้านบาท โดยอยู่ในเซกเมนต์ Medium และ Affordable ส่วนเซกเมนต์ Luxury และ Super Luxury จะรุกด้วยคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ภายใต้ Sansiri Luxury Collection
ปีนี้บริษัทโฟกัสในตลาดกลุ่มใหญ่ที่มีดีมานด์ (Mass Market) ราคาเริ่มต้น 1.6-5 ล้านบาท และรุกพัฒนาโครงการไปทำเลใหม่ๆ เช่น ย่านสุวรรณภูมิ และตำบลป่าคลอก จังหวัดภูเก็ต
ส่วนยอดขายรอโอน (Backlog) รองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 4 ปี จำนวน 47,500 ล้านบาท แบ่งเป็นปี 2563 จำนวน 24,000 ล้านบาท, ปี 2564 จำนวน 14,000 ล้านบาท, ปี 2565 จำนวน 9,000 ล้านบาท และปี 2566 จำนวน 500 ล้านบาท
ขณะที่ปี 2563 มีคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่เตรียมส่งมอบ 8 โครงการ มียอดขายแล้ว 60% จากมูลค่าโครงการรวม 24,000 ล้าน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ด้านสต๊อกบ้านปัจจุบันมีมูลค่า 12,000 ล้านบาท คาดปลายปีจะเหลือประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท จากการทำการตลาดต่อเนื่อง ส่วนงบลงทุนปีนี้ใช้ 23,000 ล้านบาท โดยใช้ซื้อที่ดินประมาณ 3,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นงบลงทุนก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทมีแผนเพิ่มแหล่งรายได้ใหม่ ได้แก่ แผนการนำ LIV-24 ดูแลความปลอดภัยส่งตรงจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง มาตรฐานแสนสิริ ขยายการให้บริการสู่โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ บริหารทั่วประเทศ พร้อมทั้งมีแผนต่อยอด และขยายขอบเขตการบริการของ Home Service Application วางแผนเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
นอกจากนี้มีแผนขยายกำลังการผลิตในโรงงานพรีคาสต์ (Precast) เพื่อรองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยจะเปิดตัวโรงงานพรีคาสต์แห่งที่ 3 และ 4 ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากโรงงานที่ 1 และ 2 จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 700,000 ตารางเมตรต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 1,200,000 ตารางเมตร เมื่อเต็มกำลังการผลิต รองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยจาก 2,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ยูนิต ได้ในอนาคต
ทั้งนี้ในปี 2562 ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ส่งผลให้ SIRI มียอดขาย 21,000 ล้านบาท ซึ่ง 62% มาจากแนวรับ ยอดโอน 31,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ที่ 26,300 ล้านบาท และกำไร 2,400 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20%
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
รายงาน: ชุติมา อภิชัยสุขสกุล
ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com