บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS) เจ้าของธุรกิจในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน (เครือโรงพยาบาลกรุงเทพและโรงพยาบาลอื่นๆ ในเครือ) แจ้งรายงานผลประกอบการประจำปี 2562 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ พบมีรายรับรวม 83,774 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าที่ 7% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 15,517 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงปี 2561 ที่ 69%
สาเหตุหลักที่ทำให้กรุงเทพดุสิตเวชการมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีการเพิ่มขึ้นทั้งจากจำนวนผู้ป่วย ค่ารักษาพยาบาลตามความซับซ้อนโรค การเติบโตของลูกค้ากลุ่มประกันสุขภาพ และการเติบโตของโรงพยาบาลนอกกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งพบว่ามีอัตราการเติบโตของรายได้จากโรงพยาบาลในกลุ่มดังกล่าวสูงกว่า 13%
ปัจจุบันรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วน 70% จากรายได้ทั้งหมดของโรงพยาบาลในเครือกรุงเทพดุสิตเวชการ ส่วนอีก 30% เป็นรายได้ที่มาจากผู้ป่วยชาวต่างชาติ
ขณะที่สาเหตุที่กำไรสุทธิบริษัทเพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการขายเงินทุนทั้งหมดในบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) (RAM) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 ส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่ 11.7% เป็น 18.5% และมีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.99 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 67% จากปี 2561
ผู้บริหารกรุงเทพดุสิตเวชการคาดการณ์ว่าการระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะสั้น เนื่องจากผู้ป่วยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเลี่ยงการเดินทางเพื่อมารักษาพยาบาลออกไป โดยหลังจากที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคได้ ประเมินว่าการดำเนินงานของบริษัทจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว
ทั้งนี้ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ยังได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกด้วยว่าบริษัทมีความประสงค์จะเข้าซื้อหุ้นบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH เพิ่มเติมที่เหลืออีก 75.01% (จากเดิมที่ครองอยู่แล้ว 24.99%) โดยคาดว่าจะต้องใช้เงินราว 85,612-102,735 ล้านบาท เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าโรงพยาบาลดังกล่าวมีชื่อเสียงและมีความสามารถในการรักษาโรคที่มีความซับซ้อนสูง เป็นที่รู้จักของคนไข้ชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มตะวันออกกลางและเอเชียแปซิฟิก ทั้งยังเป็นกิจการที่ดีที่มีศักยภาพการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนของบริษัทที่เน้นลงทุนในธุรกิจด้านการแพทย์
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
