บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานผลประกอบการประจำปี 2562 ต่อตลาดหลักทรัพย์โดยพบว่า มีรายได้รวม 571,110 ล้านบาท เติบโต 8.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นร้านสะดวกซื้อ 7- Eleven สัดส่วน 59% Makro 34% และอื่นๆ 7%
มีกําไรขั้นต้นจากการขายและบริการ 124,838 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9% ซึ่งมาจากการเติบโตในทุกธุรกิจ มีต้นทุนรวม 111,562 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3% มีกําไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 26,764 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% สรุปแล้ว CPALL มีกำไรสุทธิ 22,343 ล้านบาท เติบโต 6.8%
เจาะลึกไปยังธุรกิจหลักพบว่า 7- Eleven มีการขยายสาขา 724 สาขาตามแผน ณ สิ้นปี 2562 มีสาขารวมทั้งสิ้น 11,712 สาขา แบ่งเป็นร้านบริษัท 5,215 สาขา เพิ่มขึ้น 321 สาขา ร้าน SBP 5,687 สาขา เพิ่มขึ้น 351 สาขา และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 810 สาขา เพิ่มขึ้น 52 สาขา
ในด้านของผลิตภัณฑ์และการบริการ มุ่งเน้นเป็น ‘ร้านสะดวกอิ่มเต็มรูปแบบ’ ผ่านการพัฒนาอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนเพิ่มเมนูสินค้าใหม่ๆ ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็วในชีวิตประจำวัน โดยรายได้ 71.2% มาจากอาหารและเครื่องดื่ม ที่เหลือ 28.8% มาจากสินค้าอุปโภคไม่รวมบัตรโทรศัพท์
ด้วยการขยายสาขาและการออกสินค้าใหม่ๆ ปีที่ผ่านมา 7- Eleven มีรายได้รวม 334,061 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 25,218 ล้านบาท หรือ 8.2% มียอดขายเฉลี่ยของร้านเดิม 1.7% ยอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวัน 82,928 บาท ยอดซื้อต่อบิล 70 และมีจำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 1,187 คน และโดยสรุปมีกำไรสุทธิ 20,180 ล้านบาท เติบโต 1.2%
สำหรับปี 2563 วางแผนขยายสาขาของ 7- Eleven จำนวน 700 สาขา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ต้องการขยายให้ครบ 13,000 สาขา ภายในปี 2564 โดยได้ตั้งงบลงของทุกบริษัท 11,50-12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการเปิดร้านใหม่ 3,800-4,000 ล้านบาท ปรับปรุงร้านเดิม 2,400-2,500 ล้านบาท โครงการใหม่ บริษัทย่อยและศูนย์กระจายสินค้า 4,000-4,100 ล้านบาท สินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300-1,400 ล้านบาท
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์