วันนี้ (7 กุมภาพันธ์) อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่เดินรณรงค์แจกหน้ากากที่สถานีรถไฟฟ้า BTS สยามในช่วงเช้าวันนี้
โดยอนุทินให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า ประชาชนทั่วไปถ้ามีการแจกก็ควรจะรับ ไอ้ฝรั่งอีก ไอ้พวกฝรั่งนักท่องเที่ยว ต้องบอกไปยังสถานทูต บอกประชาชนทั่วไปด้วย ไม่ยอมใส่ แจกแล้วไม่ยอมใส่ แจกแล้วไม่ยอมรับ แบบนี้ต้องไล่ออกจากประเทศไทย ไม่ใช่ไปสนใจคนที่ภาพรวม คนที่อยู่ในประเทศไทยนี่เอง นักท่องเที่ยว เราเอาไปให้ยังปฏิเสธอยู่ ไม่มีท่าทางยี่หระต่อสถานการณ์ คนจีน คนเอเชียเขารับกันทุกคน พวกคนยุโรปมันน่านัก รู้ได้อย่างไรว่าจะไม่เป็นตัวแพร่เชื้อ อาจจะไปเที่ยวเมืองอื่นก่อนมาเมืองไทย ถ้าเจอคนแบบนี้ไล่มันออกจากประเทศไปเลย
ต่อมาช่วงบ่ายที่ Facebook อนุทิน ชาญวีรกูล โพสต์ข้อความระบุว่า
“เราพยายามทำงานกันเต็มที่และสุดความสามารถ ณ ขณะนี้เราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าหลายๆ ประเทศ เพราะเราตื่นตัวก่อน และทำงานจริงจังตั้งแต่เริ่มต้น การที่เราควบคุมสถานการณ์ได้เป็นที่น่าพอใจ และได้รับคำชื่นชมจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก เพราะคนไทยมีความตื่นตัว ให้ความร่วมมือ และเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเอง รวมทั้งให้ความร่วมมือที่จะหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคตามที่กระทรวงสาธารณสุขให้คำแนะนำเป็นอย่างดี
“ประเด็นสำคัญที่ต้องขอบคุณเป็นพิเศษคือ สื่อมวลชน ที่นำเสนอข่าวด้วยดุลพินิจที่ดี ทำให้ประชาชนที่ติดตามข้อมูลข่าวสารมีความเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นจริงด้วยความถูกต้อง รวมทั้งประชาชนส่วนใหญ่ที่ช่วยกันหยุดการแพร่กระจายข่าวปลอม หรือ Fake News ที่ทำให้สถานการณ์สับสนและแย่กว่าความเป็นจริง แม้เราจะทำได้ดีในช่วงที่ผ่านมา แต่เราต้องทำให้ดีขึ้นและต้องไม่ประมาท เพื่อความปลอดภัยของประชาชนคนไทยและทุกชีวิตที่อยู่ในประเทศไทย
“ความร่วมมือกันของทุกๆ ฝ่าย โดยเฉพาะภาคประชาชน และการตั้งรับสถานการณ์อย่างมีสติ จะทำให้เราฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้อย่างเข้มแข็ง
“กระทรวงสาธารณสุขจะทำงานหนักและทำงานมากขึ้น เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน
“สำหรับคนที่กำลังเอาเปรียบและค้ากำไรจากการกักตุน ขึ้นราคาหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ จนทำให้ประชาชนเดือดร้อน ถ้าท่านคิดว่าการมีความสุขบนความเดือดร้อนของประชาชนเพื่อนร่วมชาติเป็นเรื่องที่ควรทำและไม่ละอายใจ ก็เชิญทำต่อไป ผมเก็บข้อมูลไว้หมดแล้ว วันหนึ่งเราคงได้คิดบัญชีกัน
“ปล. ขออภัย ที่วันนี้มีอาการ ‘หลุด’ ใส่ชาวต่างชาติแถบยุโรปบางคนที่แสดงอาการรังเกียจคนไทยใส่มาสก์ และไม่ร่วมมือในการใส่มาสก์ ในขณะที่พวกเรากำลังรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศไทย
“เราไม่สามารถรู้ได้ว่าคนต่างชาติคนนั้นมาจากประเทศไหนก่อนมาประเทศไทย และ มีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน การให้เกียรติและให้ความร่วมมือการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคคือสิ่งที่เราคาดหวัง ไม่ใช่การปัดมือและมองด้วยสายตาที่เหยียดหยาม เช่นที่ผมและคณะกระทรวงสาธารณสุขได้รับวันนี้ ขอขอบคุณและขออภัยชาวต่างชาติทุกท่านที่ให้ความร่วมมือป้องกันการแพร่ระบาดแล้ว”