วันนี้ (1 กุมภาพันธ์) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในส่วนของกระทรวงพาณิชย์มาทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนา และติดตามภาวะเวชภัณฑ์หรือสินค้าที่จำเป็นที่เกี่ยวข้อง เช่น หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ ถุงมือยาง หรือสินค้าอื่นๆ ที่สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
ทั้งในเรื่องของปริมาณให้เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค และในเรื่องของราคาไม่ให้มีการโก่งราคาหรือขายในราคาที่แพงจนเกินสมควร ถ้ามีการทำเช่นนั้น ถือว่าผิดกฎหมาย โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้เรียกประชุมตั้งแต่เมื่อวาน และติดตามสถานการณ์ทุกวัน รวมถึงสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทั่วทั้งประเทศตรวจตลาดและรายงานให้วอร์รูมทราบ รวมถึงรายงานตนให้ทราบทุกวันว่าที่ไหนขาดตลาด ที่ไหนขายเกินราคา ที่ไหนมีปัญหาอย่างไรบ้าง
จุรินทร์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ไปตรวจโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยมาแล้ว และคุยกับผู้ผลิตทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ 10 รายทั่วทั้งประเทศ พบว่า ปริมาณการใช้หน้ากากอนามัยโดยภาวะปกติเดือนละ 30 ล้านชิ้น สำหรับในประเทศ โดยศักยภาพในการผลิตต่อเดือนยังสามารถผลิตได้สูงถึง 100 ล้านชิ้น ถ้ามีวัตถุดิบในการผลิตเพียงพอ ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาเรื่องวัตถุดิบในระยะเวลาสั้นนี้ เพราะบางส่วนวัตถุดิบก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ตนได้รับแจ้งจากกรมการค้าภายใน ซึ่งได้ประชุมร่วมกับผู้ผลิตแล้ว บอกว่า ขณะนี้ยังมีวัตถุดิบที่จะผลิตได้เพียงพอถึง 4-5 เดือน ตอนนี้จะมีประเด็นปัญหา 2 ข้อ ที่วอร์รูมจะต้องพิจารณาในการดำเนินการหรือไม่ดำเนินการอย่างไรต่อไป คือ
- ในเรื่องของการที่จะต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่านว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อหน้ากากอนามัยไปกักตุนไว้ใช้ เพราะปริมาณเฉลี่ยในภาพรวมในภาวะปกติเพียงพอ อย่าซื้อไปเก็บไว้ใช้มากเกินจำเป็น ถ้าเป็นเช่นนี้ผมคิดว่า มีเพียงพอที่จะใช้ได้
- สำหรับที่มีผู้กว้านซื้อเพื่อส่งออก ในส่วนของวอร์รูมก็กำลังพิจารณาอยู่ว่า จะต้องมีมาตรการอย่างไรในการแก้ไขปัญหานี้ จะเรียนให้ทราบต่อไป ส่วนเรื่องของปลอมนั้น ให้พาณิชย์ทุกจังหวัดเข้าไปตรวจตราอยู่แล้ว
ภาพ: แฟ้มภาพ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล