- GDP สหรัฐฯ ขยายตัว 2.1% เป็นไปตามคาด เมื่อคืนนี้สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไตรมาสที่ 4 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.1% ด้วยแรงหนุนจากภาคการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งมีส่วนกับการขยายตัวของตัวเลข GDP ถึง 1.20% เช่นเดียวกับตัวเลขการค้าซึ่งมีส่วนกับการขยายตัวของตัวเลข GDP ไตรมาสนี้ถึง 1.48% ด้านการลงทุนภาคเอกชนหดตัว -1.5% หรือมีส่วนฉุดการขยายตัวของ GDP ประมาณ -0.20%
- BOE มีมติ 7-2 เสียง ให้คงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.75% ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติ 7-2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.75% นอกจากนี้ยังมีมติคงปริมาณการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหราชอาณาจักรที่ระดับ 435,000 ล้านปอนด์ โดยคณะกรรมการฯ มีเป้าหมายที่จะดำเนินนโยบายการเงินเพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อให้ปรับเข้าสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% อย่างยั่งยืน โดยอาจจำเป็นต้องดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
- ดัชนี PMI อุตสาหกรรมจีนเดือนมกราคมเป็นไปตามคาด แม้เผชิญปัญหาไวรัส ดัชนี Manufacturing PMI เดือนมกราคมของจีนอยู่ที่ระดับ 50.0 จุด เป็นไปตามคาดการณ์ที่ 50.0 จุด ด้านดัชนี Non-Manufacturing PMI เดือนมกราคม เปิดเผยออกมาที่ 54.1 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 53.5 จุด นับเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจจีน แม้จะเผชิญปัญหาไวรัส ‘อู่ฮั่น’ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนต่อไปอย่างใกล้ชิด
- Amazon เปิดเผยตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่ 4 โดยตัวเลข EPS ออกมาที่ 6.47 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าคาดที่ 4.05 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 87,440 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 85,970 ล้านดอลลาร์ โดยหลังเปิดเผยผลประกอบการ ราคาหุ้น Amazon ปรับตัวขึ้นในตลาดหลังเวลาทำการถึง 9.75% ส่งผลให้ Amazon มีมูลค่าตลาดสูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ อีกบริษัท
- ติดตามตัวเลขผลประกอบการและเศรษฐกิจ โดยคืนนี้จะมีการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทด้านอุตสาหกรรม อาทิ Caterpillar, Exxon และ Chevron ขณะเดียวกันต้องติดตามดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) โดยคาดว่าจะขยายตัวที่ 0.1% (MoM)
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
- ดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นจากความหวังที่ทางองค์การอนามัยโลกประกาศให้การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นภาวะฉุกเฉินของโลก เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการของ Microsoft และ Coca-Cola ที่ออกมาแข็งแกร่ง สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นอีกครั้ง สวนทางกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงกว่า 1% จากผลประกอบการของบริษัทหลายแห่งที่ออกมาไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อจับตาดูสถานการณ์ต่อไป
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงกว่า 2% จากความกังวลของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว และกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ทำให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด นักลงทุนเริ่มเทขายจากความกังวลดังกล่าว ด้านราคาทองคำปรับตัวขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาว่าอาจฉุดเศรษฐกิจชะลอตัวได้ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าว
สหรัฐฯ
- Dow 30 ปิดที่ 28859.44 จุด เพิ่มขึ้น 124.99 จุด (+0.43%)
- S&P 500 ปิดที่ 3283.66 จุด เพิ่มขึ้น 10.26 จุด (+0.31%)
- Nasdaq ปิดที่ 9298.93 จุด เพิ่มขึ้น 23.77 จุด (+0.26%)
ยุโรป
- DAX ปิดที่ 13157.12 จุด ลดลง -187.88 จุด (-1.41%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7381.96 จุด ลดลง -101.61 จุด (-1.36%)
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3690.78 จุด ลดลง -45.58 จุด (-1.22%)
- FTSE MIB ปิดที่ 23781.10 จุด ลดลง 383.63 จุด (-1.59%)
เอเชีย
- ตลาดหุ้นจีน ปิดทำการ
- Nikkei 225 ปิดที่ 22977.75 จุด ลดลง 401.65 จุด (-1.72%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 7008.40 จุด ลดลง 23.10 จุด (-0.33%)
- Hang Seng ปิดที่ 26449.13 จุด ลดลง 711.50 จุด (-2.62%)
- Taiwan Weighted ปิดที่ 11421.74 จุด ลดลง 696.97 จุด (-5.75%)
- SET ปิดที่ 1523.99 จุด ลดลง -0.60 จุด (-0.04%)
- KOSPI ปิดที่ 2148.00 จุด ลดลง -37.28 จุด (-1.71%)
- IDX Composite ปิดที่ 6057.60 จุด ลดลง 55.45 จุด (-0.91%)
- PSEi Composite ปิดที่ 7392.68 จุด ลดลง 69.63 จุด (-0.93%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 52.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -1.19 (-2.2%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 58.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -1.52 (-2.54%)
- ราคาทองคำ ปิดที่ 1589.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 13.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (+0.84%)
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters