วันนี้ (29 มกราคม) บรรยากาศนักท่องเที่ยวตามแหล่งการค้าสำคัญๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยังคงเป็นไปอย่างคึกคัก แม้สถานการณ์การเฝ้าระวังการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) ถูกดำเนินการจากหลายหน่วยงาน และหลายองค์กรอย่างเข้มงวด
นอกจากนี้ ทั้งผู้พำนักพักพิงอยู่เขตกรุงเทพฯ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็มีปฏิกิริยาขานรับมาตรการการป้องกันโรคจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยชนิดต่างๆ เพื่อป้องกันตัวเองจากโรคในเบื้องต้น
ทว่าปัญหาที่ตามมาในภาวะที่ทุกคนต้องป้องกันตัวเอง คือกรณีที่หน้ากากอนามัยตามแหล่งศูนย์การค้าสำคัญกำลังประสบปัญหาหน้ากากอนามัยขาดตลาด
ช่างภาพของ THE STANDARD ได้ลงพื้นที่บริเวณสยามสแควร์ ใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ พบว่า มีร้านที่ขายอุปกรณ์หน้ากากอนามัยจำเป็น ต้องติดป้ายบนเชลฟ์วางสินค้าเพื่อบอกทั้งชาวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติว่า ในเวลานี้สินค้าหมดสต๊อก ทั้งที่หลายร้านในละแวกดังกล่าวเพิ่งจะมีสินค้ามาลงเมื่อวันจันทร์ที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหน้ากากอนามัยขาดตลาด โดยยืนยันว่า หน้ากากอนามัยในประเทศไทยมีจำนวนเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการผลิตในประเทศไทย ที่มีวัตถุดิบในการผลิตที่เพียงพอ ด้วยปริมาณ 7-8 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งบริษัทผู้ประกอบการจะมีการเพิ่มจำนวนการผลิตอีก 50%
อีกทั้งผู้ประกอบการนำเข้าหน้ากากอนามัย ที่รับสินค้ามาจากต่างประเทศ ยังคงรับสินค้าได้ในจำนวนที่เพียงพอ ถึงแม้ปัญหาโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จะยังมีอยู่ในประเทศจีน แต่ก็ยังสามารถรับสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ ได้อย่างเพียงพอ หากรวมมูลค่าสินค้าทั้งผลิตและนำเข้า จะมีจำนวนสินค้าอยู่ที่ 30 ล้านชิ้นต่อเดือน ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
ส่วนกรณีที่ประชาชนตั้งข้อสังเกตว่า มีร้านค้าฉวยโอกาสยามที่หน้ากากอนามัยเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องการมากในตอนนี้ เพื่อกักตุนและเพิ่มราคาหรือไม่
ประโยชน์ ย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีการกักตุน หรือฉวยโอกาสขึ้นราคาหน้ากากอนามัย และหากพบเจอหรือได้รับแจ้ง จะส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทันที โดยหากพบผู้ที่กระทำผิด จะมีโทษตามมาตรา 29 และได้รับบทลงโทษโดยการจำคุก 7 ปี หรือปรับเป็นเงิน 170,000 บาท หรือทั้งปรับทั้งจำ
โดยทางกรมการค้าภายใน จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบตามร้านค้าขายส่งและปลีก ตามท้องตลาดในวันพรุ่งนี้ (30 มกราคม)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์