เวลา 12.33 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รศ. นราพร จันทร์โอชา ภริยา ได้พบกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยา ในห้องรูปไข่ ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
ซึ่งในโอกาสนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวต่อสื่อมวลชนก่อนการหารือแบบทวิภาคีว่า ขอบคุณอย่างมาก และถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรีประยุทธ์และภริยา ซึ่งสหรัฐฯ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกับประเทศไทย ก่อนหน้านี้เพิ่งพูดคุยกันถึงแอนดรูว์ แจ็กสัน อดีตประธานาธิบดีที่เป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นครั้งแรก
“ตอนนี้เรามีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เราได้ทำอะไรต่างๆ มากมายร่วมกัน และมันยิ่งใหญ่มาก ช่างเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ ที่ได้ต้อนรับคุณ
“วันนี้เป็นไปอย่างขรุขระสำหรับเรา เนื่องมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลาสเวกัส แต่มันเป็นการประชุมอันยาวและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ขอบคุณมากครับ” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าว
ด้านพล.อ. ประยุทธ์ ได้กล่าวตอบเป็นภาษาไทย โดยมีล่ามแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า
“ในนามของนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยและประชาชนคนไทย รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาพบกับท่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา สำหรับความสัมพันธ์ของเราระหว่างกันนั้นมีมายาวนานอย่างที่ท่านประธานาธิบดีกล่าวไปแล้ว แต่สิ่งที่ผมอยากจะกล่าวถึงเป็นอันดับแรกคือ การแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ในเรื่องพายุเฮอร์ริเคน แต่ผมก็เชื่อมั่นว่าภายใต้การนำพาของท่านประธานาธิบดี ก็จะสามารถนำสิ่งต่างๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีในเวลาอันรวดเร็ว”
(ล่ามแปลเพิ่ม : ประเทศไทยขอใช้โอกาสนี้ในการแสดงความเสียใจต่อเหยื่อและครอบครัวที่สูญเสียจากเหตุการณ์กราดยิงในลาสเวกัสเมื่อคืนนี้ และผมขอแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างไทยกับชาวอเมริกัน สำหรับเหตุการณ์เฮอร์ริเคนในเปอร์โตริโก รัฐบาลไทยและภาคเอกชนของเราพร้อมจะให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน : The government of Thailand and our private sector have also pledged for financial assistance.)
“สำหรับการมาพบกันในวันนี้ก็คงหารือกันในหลายประเด็นด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นของความมั่นคงทั้งภัยคุกคามรูปแบบเก่าและรูปแบบใหม่ ประเด็นสำคัญในภูมิภาค และการค้าการลงทุน การเพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกัน และเพิ่มความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกันมายาวนานกว่า 200 ปีตามประวัติศาสตร์ และ 184 ปีอย่างเป็นทางการ ผมก็เชื่อมั่นว่าภายใต้การนำพาของประธานาธิบดีทรัมป์ก็จะสานต่อความสัมพันธ์นี้ต่อไปกับผม และขอบคุณอีกครั้งในการสละเวลาให้ผมได้มีโอกาสเข้าพบกันในครั้งนี้ นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
“และสุดท้ายขอชื่นชมท่านสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งนะครับที่ได้ทำงานเพื่อสังคมในหลายๆ สิ่งด้วยกัน รวมทั้งลูกสาวด้วย ประเทศไทยยินดีให้ความร่วมมือในทุกๆ ด้าน เพราะประเทศไทยให้ความสำคัญกับประชาชนทุกระดับเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ด้อยโอกาส ผู้เข้าไม่ถึงต่างๆ ซึ่งเป็นนโยบายของท่านประธานาธิบดีอยู่แล้ว”
ก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะตอบว่า “ผมอยากพูดถึงความสัมพันธ์ทางการค้าของพวกเรา ซึ่งพวกเราได้ทำการเจรจากันมาอย่างยาวนานและหนักหน่วง พวกเราจะเข้าประชุมร่วมกับตัวแทนต่างๆ ในอีกไม่นานต่อจากนี้เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไป ความสัมพันธ์ทางการค้าของเราเริ่มมีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ และไทยถือเป็นประเทศที่ยอดเยี่ยมสำหรับการค้าขายด้วย เนื่องจากสิ่งของที่ผลิตมีความสำคัญอย่างมากต่อเรา และในขณะเดียวกัน เราก็ค้าขายให้เขาเช่นกัน
“ผมคิดว่า พวกเราจะพยายามและค้าขายให้ไทยมากขึ้น ทำให้มันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนหากเป็นไปได้ แต่เรายังมีตารางงานที่แน่นกับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย”
และปิดท้ายด้วยการเอ่ยถึงเหตุการณ์อันน่าสลดที่เกิดขึ้นที่ลาสเวกัสเมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมย้ำอีกครั้งว่า ขอบคุณและซาบซึ้งที่มีโอกาสได้พบกัน
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้หารือระหว่างรับประทานอาหารกับประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งตามกำหนดการระบุว่าเป็นการหารือแบบทวิภาคีเต็มคณะ ซึ่งคาดว่าหลังการหารือจะมีการออกแถลงการณ์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ
ในวันรุ่งขึ้นนายกรัฐมนตรียังมีกำหนดการพบปะหารือกับคณะภาคเอกชนไทยที่ลงทุนในสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นจะเข้าพบกับ ออร์ริน แฮทช์ ประธานที่ประชุมวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา เพื่อรับมอบสำเนาข้อมติวุฒิสภาสหรัฐฯ เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีกำหนดการพบกับสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน และสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่นายกรัฐมนตรีและภริยาพร้อมด้วยคณะ
ส่วนในวันที่ 4 ตุลาคม นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการพบปะกับชุมชนไทยในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดัลลาส กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อกลับประเทศไทย
อ้างอิง: