กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นได้ออกมาแถลงว่า อัตราการเกิดของเด็กญี่ปุ่นมีจำนวน 864,000 คน ในปี 2019 ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยนับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มรวบรวมข้อมูลในปี 1899 หรือเมื่อ 120 ปีก่อน ที่สำคัญตัวเลขนี้ยังเร็วกว่าที่สถาบันวิจัยประชากรและประกันสังคมแห่งชาติประเมินว่า จะมีอัตราการเกิดที่ต่ำกว่า 870,000 คน ถึง 2 ปีด้วยกัน
ตัวเลขการเกิดที่น้อยลงนี้จะสร้างแรงกดดันทางการการเงินและสวัสดิการมากขึ้น เพราะรัฐบาลจะต้องนำเงินไปสนับสนุนกลุ่มสูงอายุซึ่งไม่ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ญี่ปุ่นมีจำนวนประชากรที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีสาเหตุมาจากจำนวนการเสียชีวิตมากกว่าการเกิด คาดว่าปีนี้อัตราการเกิดและเสียชีวิตจะต่างกันประมาณ 510,000 คน เป็นครั้งแรกที่ตัวเลขห่างกันแตะระดับ 500,000 คน
มีการประเมินว่า ปีนี้ตัวเลขการเสียชีวิตจะอยู่ที่ 1,376,000 คน สูงที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะเดียวกันตัวเลขการลดลงของประชากรได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 นับตั้งแต่ปี 2007
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ตัวเลขการเกิดน้อยลง คือประชากรหญิงที่หดตัวในช่วงวัยเจริญพันธุ์ซึ่งอยู่ในช่วงอายุ 25-39 ปี กระทรวงกิจการภายในระบุว่า ณ เดือนกรกฎาคม 2019 มีผู้หญิง 9,690,000 คนที่มีอายุระหว่าง 25-39 ปีซึ่งน้อยกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 210,000 คน
การลดลงของอัตราการเกิดในญี่ปุ่นกำลังกำลังอยู่ในช่วงที่รวดเร็วมากขึ้น แม้รัฐบาลจะผลักดันให้ประชาชนมีลูกมากขึ้น ขั้นตอนต่างๆ รวมถึงการออกกฎหมายที่รัฐบาลได้พยายามส่งเสริมความสมดุลระหว่างการทำงานและการเลี้ยงดูให้ดีขึ้น และสนับสนุนให้ผู้ชายมีบทบาทมากขึ้นในการดูแลเด็กแรกเกิด
ผู้สังเกตการณ์บางคนทำนายว่าจำนวนการแต่งงานและการตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้นในปี 2019 เนื่องจากผู้คนมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นศักราชใหม่ หรือยุคเรวะ แต่จริงๆ แล้วจำนวนการแต่งงานลดลง 0.6% จากปีก่อนหน้าเป็น 580,000 คู่ ลดลง 3,000 รายจากปีที่แล้ว ขณะที่จำนวนการหย่าร้างคาดว่าจะสูงถึง 210,000 คู่ หรือเพิ่มขึ้น 2,000 คู่
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
